พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ หรือ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เป็นพระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีชีวิตโลดโผนกว่าพระองค์ใด เป็นพระราชโอรสของ ร.๕ เพียงพระองค์เดียวที่เคยเข้าสู่สมรภูมิ โดยร่วมรบกับกองทัพเรืออังกฤษขณะทรงเป็นนักเรียนนายเรือและฝึกงานอยู่ในเรือประจัญบานที่ถูกสั่งกระทันหันให้ไปรบกับตุรกีที่สมรภูมิเกาะครีต ในกรีก เลยต้องทำหน้าที่ผู้บังคับหมวดนำทหารยกพลขึ้นบกขณะพระชนม์ได้ ๑๘ พรรษา ต้องนอนกลางดินกินกลางทรายในสนามรบกับซากศพ ทั้งยังอดอาหารถึงกับต้องจับหอยทากเสวย เป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของหลวงพ่อศุข วัดมะขามเฒ่า เกจิอาจารย์ผู้โด่งดังเรื่องขมังเวทย์ ทรงโอบอ้อมต่อคนโดยไม่เลือกชั้นบรรดาศักดิ์ ทั้งนักเลงและนักมวย ทรงได้รับการยกย่องว่าเป็นทั้ง “พระบิดาแห่งราชนาวีไทย” และ “หมอเทวดา” เมื่อสิ้นพระชนม์ก็ยังได้รับการเคารพบูชาเหมือนเป็นเทพเจ้า
ขณะที่เป็น พลเรือตรี กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ทรงถูกให้ออกจากราชการไปนานถึง ๖ ปีกว่า เพราะพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯทรงพิโรธว่าสั่งสอนลูกศิษย์ไม่ดี หนักไปทางก่อกำเริบ อาจกลายเป็นเหมือนพวกบอลเชวิคในรัสเซีย
เมื่อ “ตกงาน” มีเวลาว่างมาก เสด็จฯในกรมจึงหันไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากหัวหน้าหมอหลวงแห่งราชสำนัก และทรงศึกษาอย่างคร่ำเคร่ง เปิดวังของพระองค์เป็นห้องทดลอง โดยให้สัตว์กินก่อน เมื่อได้ผลจึงมาใช้กับคน และออกรักษาประชาชนผู้ยากไร้โดยไม่คิดทั้งค่ารักษาและค่ายา ต่อมาจึงทรงเปิดวังของพระองค์เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ บางครั้งก็ทรงนุ่งสะโหร่งแดง ไม่ใส่เสื้อ มีผ้าขาวม้าพาดบ่าออกรักษาคนไข้ ทรงตรวจโรคด้วยเครื่องมือสมัยใหม่ มีการตรวจเลือดและใช้กล้องตรวจโรค แต่ให้ยาแพทย์แผนไทย พระองค์ไม่ประสงค์ให้ใครเรียกว่า “เสด็จในกรมฯ” แต่โปรดให้เรียกว่า “หมอพร”
หลังจากการค้นคว้าศึกษาอย่างจริงจังทั้งยังมีภาคปฏิบัติแล้ว กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์จึงได้ทรงเขียนตำรายาแพทย์ไทยแบบโบราณไว้เล่มหนึ่ง โดยทรงค้นคว้ามาจากคัมภีร์ยาเก่าๆ ซึ่งทรงนำมาทดลองใช้ได้ผลแล้ว บันทึกไว้ในสมุดข่อยในชื่อว่า “พระคัมภีร์ อติสาระวรรคโบราณะกรรม และปัจจุบันนะกรรม”
ต่อจากปกที่เป็นลายไทยปิดทอง ในหน้าแรกของหนังสือเล่มนี้ เป็นภาพพระพุทธเจ้าประทับนั่งขัดสมาธิ มีฤาษี ๒ ตนนั่งพนมมือ มีตราพระอาทิตย์ประทับยืนบนราชรถ ซึ่งเป็นตราประจำราชสกุลอาภากร และอักษรเป็นภาษาบาลีว่า “กยิราเจ กยิราเถนํ” แปลได้ว่า “จะทำสิ่งไร ควรทำจริง”
“พระคัมภีร์ อติสาระวรรคโบราณะกรรม และปัจจุบันนะกรรม” นี้ ยังถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ สมุทรปราการ และมีผู้คัดลอกออกมาเผยแพร่ไว้บ้าง อย่างเช่น
ยาถอนพิษต่าง ๅ
ท่านให้เอา สารส้ม ๑ ก้อน (ขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย) นำมาตำให้ละเอียด ผสมน้ำต้มสุก ใช้รับประทาน มีสรรพคุณจะทำให้เกิดการอาเจียน ถอนพิษต่างๆ เช่น เห็ดพิษ พิษกรดด่าง ยาพิษ เป็นต้น ให้หายไปอย่างชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคโลหิตจาง
ท่านให้เอา ผลมะนาวสดผ่าซีก บีบเอาเฉพาะน้ำ นำมาผสมกับน้ำหวาน และปรุงด้วยเกลือทะเล (เกลือใส่แกง) พอสมควร ใส่น้ำแข็ง ใช้ทานบ่อยๆ เป็นยาบำรุงโลหิต และแก้โรคโลหิตจาง ทำให้มีผิวพรรณผุดผ่อง มีน้ำมีนวล มีสรรพคุณชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคความดันต่ำ
ท่านให้เอา หมูเนื้อแดง หนัก ๑ กก. กับพริกไทยร่อน ๑ กระป๋องนมข้น ตัวยาทั้ง ๒ อย่างนี้นำมาบดผสมกัน ใส่โถหรือโหล ใส่น้ำผึ้งแท้พอท่วมยา หมกข้าวเปลือกไว้ ประมาณ ๑๕ วันขึ้นไป ใช้น้ำยาดองนี้ทานครั้งละ ๑ ช้อนโต๊ะ วันละครั้ง ทุกวัน เพียง ๕ วันเท่านั้น อาการป่วยโรคความดันต่ำ จะหายเป็นปรกติ มีสรรพคุณชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคตาฟาง
ท่านให้เอา ใบมะขาม ๒ กำมือ นำมาตำให้ละเอียด กับน้ำฝน ๔ แก้ว นำมาใส่ภาชนะเคลือบ ใส่พิมเสน กับ เกลือทะเล ลงผสมเล็กน้อย หมักดองไว้ประมาณ ๑๐วัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้น้ำยาหยอดตา มีสรรพคุณแก้โรค ตาฟาง ตาฝ้า ตามัว ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคหูอื้อ
ท่านให้เอา ข้าวสาร ๖ ส่วน พริกไทยร่อน ๔ ส่วน เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๓ ส่วน ตัวยาทั้ง ๓ นี้ นำมาคั่วไฟให้สุกดี แล้วบดให้ละเอียด ผสมกับสุราหรือน้ำร้อนก็ได้ ใช้ทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา อาการโรคหูอื้อ และหูน้ำหนวกจะหายไป มีสรรพคุณชะงัดนักแล ฯ
ยาทิพย์ไสยาสน์
ท่านให้เอา ลูกจันทน์ ๑ ยาดำ ๑ มหาหิงคุ์ ๑ ตัวยาทั้ง ๓ นี้เอาอย่างละเท่าๆกัน พริกไทยร่อนหนักเท่ายาทั้ง ๓ อย่างนั้น นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทรา ใช้ทานก่อนนอน มีสรรพคุณทำให้เลือดลมเดินสะดวกดี นอนหลับสบาย ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคไอเรื้อรัง
ท่านให้เอา หัวอุตพิดสด (พอสมควร) ๑ หัวกระเทียม ๗ กลีบ ๑ พริกไทยร่อน ๗ เม็ด ๑ ดีปลี ๗ ดอก ๑ ตัวยาทั้ง ๔ นี้นำมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้งแท้ ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดข้าวโพด ใช้ทานครั้งละ ๑ เม็ด มีสรรพคุณแก้โรคไอเรื้อรัง ได้ผลอย่างชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้โรคไอเป็นเลือด
ท่านให้เอา ใบมะกา ๑ เถาวัลย์เปรียง ๑ เถาคันแดง ๑ ใบมะคำไก่ ๑ เกลือทะเล (เกลือใส่แกง) ๑ ตัวยาทั้ง ๕ นี้เอาหนักอย่างละ ๕ ตำลึง นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยา ทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณแก้โรคไอเป็นเลือดให้หายไป ได้ผลชะงัดนักแล ฯ
ยาครรภ์รักษา
ท่านให้เอา หัวยาข้าวเย็นเหนือ ๑ หัวยาข้าวเย็นใต้ ๑ เกสรทั้ง ๕ (คือ ดอกพิกุล ๑ ดอกบุนนาค ๑ ดอกมะลิ ๑ ดอกสารภี ๑ เกษรบัวหลวง ๑) เนระพูสี ๑ ตัวยาทั้ง ๔ นี้เอาหนักอย่างละ ๑ บาทเท่ากัน นำมาใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยาทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์ ทำให้คลอดลูกออกง่าย เคยใช้ได้ผลดีอย่างชะงัดนักแล ฯ
ยาแก้เลือดทางทวารหนัก
ท่านให้เอา ฝาง ๑ หญ้าผักปราบ ๑ ต้น ขลู่ทั้ง ๕ (ถอนเอาทั้งต้นถึงราก) ๑ ตัวยาทั้ง ๓ อย่างนี้ เอาอย่าละเท่าๆกัน นำมาล้างให้สะอาด ใส่หม้อดินต้มต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยาทานครั้งละ ๑ ถ้วยชา เวลาเช้า-เย็น หรือเวลาเลือดออกทางทวารหนัก มีสรรพคุณแก้โรคเลือดออกทางทวารหนักได้ผลดีชะงัดนักแลฯ
ยาแก้คันทวารเบา
ท่านให้เอา ใบมะฝ่อ จำนวนมากพอสมควร นำมาล้างน้ำให้สะอาด ใส่หม้อดินต้มกับน้ำพอสมควร ใช้น้ำยาทา มีสรรพคุณแก้โรคคันทวารเบาของสตรี ได้ผลดีชะงัดนักแล ฯ