“อ.ทวีสุข” เผย ตอนนี้เศรษฐกิจอเมริกา-จีน กำลังทยอยระเบิด จุดวิกฤตจะมาช่วงไตรมาส 2-3 ของปีหน้า ส่วนไทยหนักแน่ รอนักท่องเที่ยวจีนอย่างน้อยปี 66 ซ้ำยังขาดแคลนอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรม
วันที่ 6 ต.ค. 2564 อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน”
โดย อ.ทวีสุข กล่าวถึงเศรษฐกิจจีนและอเมริกา ว่า ทยอยระเบิดไปแล้ว จุดนี้อยู่ในช่วง Economic Transit ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา มันน่าใช้เวลาตั้งแต่กลางปีไปอีก 18 เดือน แต่จุดที่เป็นจุดวิกฤตจะอยู่ในไตรมาส 2-3 ของปีหน้า
วันนี้ตนฟังธงได้เลย ยังไงอเมริกาก็ต้องขยายเพดานหนี้ ทุกครั้งก่อนที่จะขยายเพดาน เขาจะทุบหุ้นลง แล้วก็ให้วุฒิสมาชิกดูว่ามันต้องผ่าน ซึ่งประชาชนอเมริกาก็ยอมรับที่จะให้ผ่าน
หนี้อเมริกาอาจมองแค่ 28 ล้านล้าน และอาจเพิ่มไป 30 ล้านล้าน แต่มันมีหนี้มลรัฐอีก, ภาคเอกชน และสถาบันการเงิน รวมกันทั้ง 4 ส่วน อยู่ที่ประมาณ 80 ล้านล้าน ซึ่งปริมาณหนี้ทั้งหมดใหญ่กว่าเศรษฐกิจอเมริกาประมาณ 4 เท่า
อ.ทวีสุข กล่าวอีกว่า มาทางด้านจีน เอเวอร์แกรนด์ รัฐบาลคงปล่อยให้ล้ม แล้วไปดูแลผู้บริโภคแทน จีนไม่ต่างจากอเมริกาคืออัดสภาพคล่องเข้า ระบบของ 2 มหาอำนาจเหมือนกัน แต่แนวโน้มในอนาคต จีนจะเป็นฝ่ายรุก ดูได้จากการเร่งการเกิดดิจิทัลหยวน หลังจากนี้ดอลลาร์จะถูกท้าทาย
อ.ทวีสุข กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ปัญหาของอเมริกา ถ้าดอกเบี้ยขึ้นทุกอย่างล้มเป็นโดมิโนเลย เพราะตัวบอนด์ยีลด์เวลาที่ดีดกลับ ทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง ซึ่งมันเคยเกือบระเบิดแล้วในปี 2019 แต่เจอไวรัสเสียก่อน การแก้ปัญหาไวรัสก็คือการฉีดสภาพคล่องให้ระบบ ให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกล็อกดาวน์ แล้วก็ก่อหนี้ด้วยการใช้เงินแบบไร้สาระ เพื่อประคองเศรษฐกิจเอาไว้ ประเทศทั่วโลกก็ก่อหนี้ขึ้นมา หนี้มหาศาลนี้จะเป็นโจทย์ใหญ่หลังจากหลังโควิด ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ทุกประเทศทั่วโลกหลงตรงนี้กันหมด
สิ่งที่จะตามมาหลังจากนี้ ประเทศต่างๆ ทยอยถูกลดเครดิตเรตติ้ง สภาพคล่องน้อยลงไปอีก และบีบบังคับให้รัฐบาลแต่ละประเทศเพิ่มเพดานหนี้เพื่ออัดฉีดเงิน แล้วพอเพดานหนี้สูงขึ้นไป ทุกคนต้องแก้เหมือนกัน คือ เพิ่มภาษี แล้วถ้าเงินเฟ้อกลับก็ต้องขึ้นดอกเบี้ยบนกองหนี้ที่มีอยู่ ดังนั้น ง่ายที่สุดคือโละระบบไปทีเดียว แล้วไปสู่ระบบใหม่ โลกก็เป็นแบบนี้มา 2 ครั้งแล้ว
อ.ทวีสุข กล่าวว่า เงินเฟ้อ จุดตายอยู่ที่ไตรมาส 2-3 ปีหน้า ถ้ามันยังไม่ลง รอบนี้ยาว แสดงว่าเงินเฟ้อคอนเฟิร์มแล้วว่ามาจากการเสื่อมค่าของตราสารทางการเงิน ซึ่งก็คือตัวเงิน ปกติเงินเฟ้อที่เกิดจากการเสื่อมค่าของเงินจะเกิดจากประเทศเล็กๆ อย่างเวเนซุเอลา, ซิมบับเว ซึ่งมันไม่มีผลกระทบต่อโลก แต่ถ้าเกิดกับอเมริกา จะเกิดอะไรขึ้น มันประเมินไม่ได้
คำแนะนำสำหรับนักลงทุนตอนนี้ก็คือการจัด Asset Allocation (การกระจายการลงทุน) ทยอยซื้อสินทรัพย์ราคาถูก ซึ่งปีหน้าจะมีออกมาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ทองคำถ้าไม่ไว้ใจ ก็เอาตราสารหนี้รัฐบาล หรือธนาคารแห่งประเทศไทย อายุไม่เกิน 1 ปี ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีปัญหา
ทองก็ยังเป็น Safe Haven ของการเปลี่ยนผ่าน ธนาคารกลางต่างๆ ยังเพิ่มสำรอง แต่พวกเราถูกสร้าง Mindset เป็นนักเก็งกำไร พอราคาเหวี่ยงก็ตกใจกับมัน
เมื่อถามว่าไทยมีโอกาสฟื้นไหม อ.ทวีสุข กล่าวว่า นักท่องเที่ยวในไทย 12-13 ล้านคนคือจีน แล้วจีนจะเปิดเร็วสุดปี 66 แล้วเรามีอุตสาหกรรมที่เป็นนวัตกรรมไหม แค่เกิด SCBX ทุกคนก็ตื่นตระหนกแทบทั้งหมดแล้ว อันนี้คือสิ่งที่ทำให้เห็นนวัตกรรมมันมาแล้ว การดิสรัปชันมันเกิดขึ้นแล้ว และนี่คือของจริง เราจะเห็นการ Synergy ของเจ้าใหญ่หลายเจ้า แต่เจ้าย่อยๆ ยังไม่เห็นการดิสรัปชันของอุตสาหกรรมใหม่
เรามีเพดานหนี้ที่ขยายขึ้นไปอีก คำถามคือถ้าใช้ตรงนี้หมด ถ้าใช้กันแบบล้างผลาญ เราจะเอาเงินที่ไหนมาดัน ฉะนั้น เราต้องเปิดเพดานหนี้ขึ้นไป 80 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีใช่ไหม แล้วสุดท้ายก็ต้องมาเก็บภาษีเพื่อไปค้ำ ปีหน้าจะเป็นปีที่หนักมากของเศรษฐกิจไทย อย่าหลอกตัวเอง ใช้จ่ายทุกอย่างให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด