วันนี้ (3 ต.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย โพสต์ Facebook ส่วนตัวระบุถึงแชร์ลูกโซ่ อาทิ กรณีโกงเงินเด็ก 14 ปี ที่ซื้อโทรศัพท์มือถือ จนถึงกรณีล่าสุด ของ นายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ที่ออกมาแจ้งความระบุว่า ตนเองถูกโกงเงิน 15 ล้าน 8 แสนบาท จากการร่วมลงทุนในรูปแบบ Forex ซึ่งตนได้แสดงความคิดเห็นหลายครั้งว่าอัตราการหลอกลวงมีมาก
ซึ่งตรงนี้มีกฎหมายในการจัดกุมอย่างชัดเจนแต่ขาดเจ้าภาพในการทำ ในข้อกฎหมายพระราชกำหนดที่เป็นการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนใน มาตรา 4 ก็ระบุไว้ชัดเจนผมขอหยิบยก มาตรา 4 วางหลักไว้ว่า
“ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงินในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน
ผู้ใดไม่มีใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับปัจจัยชำระเงินต่างประเทศตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงิน ดำเนินการ หรือให้พนักงาน ลูกจ้าง หรือบุคคลใดดำเนินการโฆษณา ประกาศหรือชักชวนประชาชนให้ลงทุนโดย
(1) ซื้อหรือขายเงินตราสกุลใดสกุลหนึ่งหรือหลายสกุล หรือ
(2) เก็งกำไรหรืออาจจะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนเงิน ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนด้วย”
ผมเคยประชุมในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม เคยสอบถามทางธนาคารแห่งประเทศไทยว่าเคยอนุญาตให้เอกชนรายใดดำเนินการมั้ย เพราะการหลอก forex มีเยอะมากปี 62 ก็มีแชร์ Forex-3D คนเสียหายหลายหมื่นคนความเสียหายหลายพันล้านบาท
ทางธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยืนยันชัดเจนว่า ไม่เคยให้ธเอกชนหรือบุคคลใดซื้อขาย forex ตนจึงอยากเสนอให้มีการออกกฎหมายบังคับใช้อย่างชัดเจน เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนถูกหลอกลวงซ้ำๆ ต้องมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้จริงๆ จังๆ
เพราะพอเกิดการหลอกลวงขึ้นมา ไม่ว่าจะใช้กฎหมายฟอกเงิน หรือ ป.วิอาญา ป.วิแพ่ง ก็ไม่เคยนำทรัพย์สินมาคืนให้ผู้เสียหายได้ครบ แถมบางคดีใช้เวลารอนานกว่า 30 ปี เช่นถ้ากรณีน้องเด็ก 14 ปี ที่ถูกโกงเงินจากการซื้อโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่รู้เมื่อไรผู้ตายจะได้เงินคืน เพราะถึงแม้ว่าหน่วยงาน ปปง. มีมาตรการยึดอายัดทรัพย์ก็ไม่สามารถคืนให้ผู้เสียหายได้ทันที ต้องส่งเรื่องให้พนักงานอัยการยื่นต่อศาลแพ่งพิจารณา ซึ่งก็มีกระบวนการอีก 3 ศาล ซึ่งแตกต่างจากการกระทำผิดอาญาเกี่ยวกับทรัพย์ประเภทอื่น เช่น การปล้นทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ถ้าตำรวจจับแล้วทรัพย์สินเหล่านั้นคืนให้เจ้าทรัพย์ทันที ซึ่งนั่นคือความไม่ยุติธรรมเพราะเป็นการปฏิบัติที่ไม่สอดคล้องกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 25 วรรคท้ายระบุว่า บุคคลซึ่งได้รับความเสียหายจากการถูกละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพหรือจากการกระทำความผิดอาญาของบุคคลอื่น ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเยียวยาหรือช่วยเหลือจากรัฐตามที่กฎหมายบัญญัติ
ผมจึงอยากฝากเรื่องนี้ไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้คนไทยถูกฉ้อโกง เหมือนสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่ออก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินปราบปรามแชร์แม่ชม้อย เพื่อความมั่นคงของประเทศ และควรทำเป็นนโยบายเร่งด่วนเหมือนคำที่เคยให้ไว้ต่อที่ประชุมสภา อย่าทำให้กระบวนการยุติธรรมนั้นบิดเบี้ยวไปมากกว่านี้ ตนเพียงอยากเป็นกระบอกเสียงแทนพี่น้องประชาชนไปยังนายกรัฐมนตรี เพราะกฏหมาย พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดในลักษณะแชร์ลูกโซ่ ที่ภาคประชาชน และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ยื่นกฏหมายเข้าสภาแล้ว แต่เนื่องจากเป็นร่างการเงินจึงต้องให้นายกฯลงนามรับรอง แต่บัดนี้นายกฯเองก็ไม่ได้ลงนามรับรองจึงทำให้ร่างนี้ตกไป
นั้นคือปัญหาที่รัฐบาลนำโดยท่านนายกฯต้องเร่งแก้ไข
ตนได้รับข้อความจากชาวบ้านมาเยอะมาก มีคนเดือดร้อนจากเรื่องนี้เป็นล้านคน ล่าสุด เมื่อวานนี้ผมขออนุญาต copy ข้อความมาให้อ่าน เพราะผมไม่อยากเห็นใครต้องตายจากแชร์ลูกโซ่อีก น้องเค้าเจอโกงจากการชักชวนให้ลงทุน สุดท้ายน้องเค้าบอกว่าจะฆ่าตัวตายเพื่อสะท้อนปัญหา ผมเองได้แต่ให้กำลังใจและเป็นตัวแทนส่งเสียงของคนเดือดร้อนนับล้านคนไปยังผู้มีอำนาจ ซึ่งเสียงให้ความรู้ในฐานนะนักวิชาการก็ทำมาโดยตลอด แต่ก็ยังมีคนถูกหลอกทุกวัน ผมจึงอยากให้ภาครัฐได้ถอดบทเรียนและเร่งหามาตรการคุ้มครองประชาชนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
“ท้ายสุดนี้ผมขอเป็นกำลังใจให้ผู้เสียหายทุกคนมีกำลังใจกำลังกายที่เข้มแข็ง ผมขอหยิบยกคำพูดของ โทมัส ฮอปป์ ที่พูดว่า ที่ใดมีการรวมตัวกันที่นั้นจะมีพลัง ที่ใดมีพลังที่นั้นจะมีกฎหมาย ที่ใดมีกฏหมายที่นั้นจะมีความยุติธรรม จึงขอให้ทุกคนสู้ไปด้วยกัน สู้จนกว่าชนะ ผมพร้อมเคียงข้างผู้เสียหายทุกคนเสมอและตลอดไปเพื่อบ้านเมืองและประเทศจะได้ปลอดภัยจากหลอกลวงและฉ้อโกงกัน” นายสามารถ กล่าวทิ้งท้าย