สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ลงโทษแบนอดีตผู้แนะนำการลงทุน ธนาคารกรุงเทพ 10 ปี หลังมีพฤติกรรมหลอกลูกค้าถอนเงินจากบัญชีไปซื้อกองทุน แต่กลับนำเงินเข้าบัญชีตัวเองและพวกพ้อง ตกเป็นเหยื่อ 27 ราย เสียหายรวมกว่า 139 ล้านบาท แนะผู้ลงทุนตรวจสอบยอดเงินลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่า ได้ลงโทษนางลัดดาวัลย์ แก้วโบราณ อดีตผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์สังกัดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โดยไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 10 ปี กรณีกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินโดยนำเงินค่าซื้อกองทุนของลูกค้าจำนวน 27 รายไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินรวม 139,190,221.41 บาท
สืบเนื่องมาจากในช่วงระหว่างวันที่ 31 ม.ค. 2556 ถึงวันที่ 20 มิ.ย. 2560 นางลัดดาวัลย์หลอกให้ลูกค้าถอนเงินจากบัญชีเงินฝากเพื่อซื้อกองทุน แต่ไม่ได้ทำรายการซื้อกองทุนตามความประสงค์ กลับนำเงินดังกล่าวฝากเข้าบัญชีตนเองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง แล้วออกสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุนให้ลูกค้าไม่ตรงตามความจริง ทำให้ลูกค้าเข้าใจว่าเงินในบัญชีธนาคารได้ถูกถอนและนำไปซื้อกองทุนกับธนาคาร โดยมีลูกค้าเสียหายจำนวน 27 ราย เป็นเงินรวม 139,190,221.41 บาท
ก.ล.ต.พิจารณาแล้วเห็นว่า นางลัดดาวัลย์ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยกระทำมิชอบต่อทรัพย์สินของผู้ลงทุน มีระดับโทษถึงขั้นเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ แต่เนื่องจากการได้รับความเห็นชอบเป็นผู้แนะนำการลงทุนด้านหลักทรัพย์ได้สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2556 จึงลงโทษนางลัดดาวัลย์ไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่เป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุนเป็นเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย. 2564
ทั้งนี้ ในการพิจารณากำหนดโทษ ก.ล.ต.ได้นำปัจจัยดังต่อไปนี้มาใช้ประกอบการพิจารณาของ ก.ล.ต. ด้วย ได้แก่ บทบาทความเกี่ยวข้องและพฤติกรรมของบุคคลที่ถูกพิจารณา การลงโทษที่บุคคลนั้นได้รับไปแล้ว ผลกระทบ ความเสียหาย หรือผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น การแก้ไขหรือการดำเนินการอื่นที่เป็นประโยชน์หรือขัดขวางการปฏิบัติงานของ ก.ล.ต. และประวัติหรือพฤติกรรมในอดีตอื่นใดที่แสดงถึงความไม่เหมาะสมที่จะเป็นบุคลากรในธุรกิจตลาดทุน
พร้อมกันนี้ สำนักงาน ก.ล.ต.ขอเตือนผู้ลงทุนให้ตรวจสอบยอดเงินลงทุนในกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจเกิดจากการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การปฏิบัติหน้าที่ได้ และหากมีข้อสงสัยควรติดต่อศูนย์ดูแลลูกค้าของธนาคาร หรือติดต่อที่สายด่วนศูนย์บริการประชาชน ก.ล.ต. โทร. 1207