xs
xsm
sm
md
lg

เตือนภัย “คอนโดเงินเหลือ” กู้รวดเดียว 6 ที่ สุดท้ายถูกหักหลัง หมดเครดิต แบกหนี้ที่ไม่ได้ก่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ พบเรื่องสะเทือนใจโซเชียลฯ แฟนหนุ่มถูกเพื่อนของพี่สะใภ้ และเพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ หลอกให้กู้คอนโดมิเนียมรวดเดียว 6 ที่ ก่อนจะชักดาบ เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้มี 3 ที่ไม่จ่ายสักที่ อยู่ฟรีหนีหนี้แถมค่าไฟก็ไม่จ่าย ส่วนเพื่อนของพี่สะใภ้มี 2 ที่ บอกจะให้เดือนละ 3 หมื่น ตอนหลังก็ไม่ให้ สัญญาลมปาก แถมเอาเงินไปหมุนฟรีอ้างทำเงินอีก 2 แสน สุดท้ายแฟนหนุ่มเจอทวงหนี้ขึ้นศาล 3 ธนาคารรวด ภรรยาสาวห่วงจะฆ่าตัวตาย

วันนี้ (23 ก.ย.) ในโลกโซเชียลฯ ได้แชร์เรื่องราวในเว็บไซต์พันทิป บอกเล่าถึงการทำธุรกิจที่เรียกว่า “คอนโดเงินเหลือ” หรือ “คอนโดเงินทอน” ซึ่งเป็นการลงทุนในลักษณะผู้ลงทุนซึ่งเป็นพนักงานบริษัท มีฐานเงินเดือนคงที่ มีสลิปเงินเดือน กู้ซื้อคอนโดมิเนียมกับสถาบันการเงิน ในราคาที่สูงกว่าราคาขายจริงของคอนโดมิเนียม โดยผู้ลงทุนจะเป็นผู้รับภาระสินเชื่อกับสถาบันการเงิน และจะได้รับเงินส่วนต่างที่ขอเพิ่มมา แต่กลับพบว่าแฟนหนุ่มแบกหนี้ที่ไม่ได้ก่อ และกังวลว่าจะฆ่าตัวตาย

จากคำบอกเล่าโดยสรุปได้ว่า แฟนหนุ่มถูกพี่สะใภ้ชักชวนให้มาทำ “คอนโดเงินเหลือ” โดยอ้างว่าโครงการนี้น่าสนใจ แต่ติดที่พี่สะใภ้ไม่มีเครดิตที่จะมาทำโครงการหรือธุรกิจแนวนี้ โดยมีคนทำธุรกิจร่วมกัน 3 คน คือ 1. แฟนหนุ่ม 2. เพื่อนของพี่สะใภ้ และ 3. เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้อีกที โดยให้แฟนหนุ่มรายนี้ยื่นสินเชื่อเพื่อซื้อคอนโดมิเนียม 6 แห่งพร้อมกัน แล้วแฟนหนุ่มจะได้ส่วนต่างที่ได้จากการขอสินเชื่อ ซึ่งปกติธนาคารจะให้สินเชื่อมากกว่าราคาประเมินเพื่อนำเงินส่วนต่างมาเป็นค่าตกแต่ง

โดยเงื่อนไขธุรกิจก็คือ แฟนหนุ่มเป็นผู้ชำระสินเชื่อคอนโดมิเนียม 1 แห่ง ซึ่งถ้าผ่อนชำระครบแล้วก็จะได้ห้องชุดที่มีกรรมสิทธิ์ในชื่อของแฟนหนุ่ม ส่วนเพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 2) ชำระสินเชื่อคอนโดมิเนียมที่ยื่นกู้ในนามแฟนหนุ่ม 2 แห่ง โดยอ้างว่าจะผ่อนชำระแทนแฟนหนุ่ม และสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนแฟนหนุ่มเดือนละ 30,000 บาท เพื่อเป็นกำไรให้แฟนหนุ่มในฐานะผู้ยื่นกู้ เมื่อผ่อนชำระครบทั้ง 2 แห่งแล้ว แฟนหนุ่มจะต้องโอนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้เป็นชื่อของเพื่อนพี่สะใภ้ ขณะที่เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 3) ชำระสินเชื่อคอนโดมิเนียมที่ยื่นกู้ในนามแฟนหนุ่ม 3 แห่ง โดยอ้างว่าจะผ่อนชำระแทนแฟนหนุ่ม เมื่อผ่อนชำระครบทั้ง 3 แห่งแล้ว แฟนหนุ่มจะต้องโอนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้เป็นชื่อของเพื่อนพี่สะใภ้ (คนที่ 2)

สามเดือนแรกหลังสินเชื่อคอนโดมิเนียมทั้ง 6 แห่งของแฟนหนุ่มได้รับการอนุมัติ เพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 2) ผ่อนชำระ และให้กำไร 30,000 บาทแก่แฟนหนุ่มตามปกติตามที่รับปากไว้ด้วยดีไม่มีปัญหา แต่พบว่าเดือนที่สองหลังสินเชื่อได้รับการอนุมัติ เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 3) กลับไม่ผ่อนชำระ และไม่จ่ายค่าตอบแทนใดๆ แต่กลับเข้าอยู่ในห้องชุด 1 ใน 3 แห่งที่แฟนหนุ่มรับไปผ่อน เมื่อธนาคารโทร.มาติดตามทวงถามกับแฟนหนุ่ม แฟนหนุ่มโทร.ถามเพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ กลับได้คำตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่มี แต่กำลังจะมี เดี๋ยวผมรีบเคลียร์”

นอกจากนี้ เพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 2) เอาเงินกู้จากแฟนหนุ่มไปอีก 200,000 บาท โดยกล่าวกับแฟนหนุ่มว่าถ้าไม่รู้จะเอาเงินส่วนต่างจากเงินกู้ไปทำธุรกิจอะไรก็เอาเงินมาให้เพื่อไปลงทุน แล้วเมื่อได้ดอกเบี้ยก็แบ่งกำไรกัน พยายามพูดให้สวยหรู วาดฝันและรับปากว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นจะรับผิดชอบให้แน่นอน ซึ่งแฟนหนุ่มก็เชื่อใจ

แต่ปัจจุบันสิ่งที่เจออยู่ก็คือ เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 3) ตั้งแต่ทำธุรกิจร่วมกัน ไม่เคยชำระสินเชื่อที่ยื่นกู้ในนามแฟนหนุ่มทั้ง 3 แห่งให้ธนาคารเลย ไม่สามารถติดต่อได้ และไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ธนาคารทั้ง 3 แห่งส่งหนังสือมาที่บ้านให้ไปขึ้นศาลและให้ชำระหนี้ แถมการไฟฟ้าฯ ติดต่อให้แฟนหนุ่มชำระค่าไฟฟ้า 5,000 บาท เพราะเพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้เข้าอยู่แต่ไม่ชำระค่าไฟ และการไฟฟ้าฯ จะยกหม้อแปลงไปแล้ว ทุกวันนี้แฟนหนุ่มตามตัวไม่ได้เพราะหนีไปแล้ว เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนเบอร์โทร. ติดต่อไม่ได้

ส่วนเพื่อนของพี่สะใภ้ (คนที่ 2) ยังชำระสินเชื่อให้แฟนหนุ่มตามปกติ แต่ไม่ให้กำไร 30,000 บาทตามที่รับปากไว้ เพราะเอาไปลงทุนก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ส่วนเงินที่ยืมไป 200,000 บาทก็คืนให้แต่เงินต้น แต่ไม่ให้ดอกเบี้ย อ้างว่าลงทุนแล้วไม่ได้กำไร จึงไม่สามารถให้ดอกเบี้ยได้ คืนให้เฉพาะเงินต้นเท่านั้น และจากที่เคยรับปากว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นจะร่วมรับผิดชอบ เพื่อนของเพื่อนของพี่สะใภ้ที่หนีหนี้จะช่วยตามให้ ไม่ต้องกังวล ก็พบว่าลมปากคนเชื่อไม่ได้ กลายเป็นว่าเอาเงินแฟนหนุ่มไปหมุนฟรี ยืมชื่อแฟนหนุ่มไปกู้เงินเพื่อผ่อนคอนโดฯ ฟรีๆ เคยปรึกษาทนายความแล้วก็บอกว่าทำอะไรไม่ได้ เพราะสัญญาดอกเบี้ยที่ทำกับเพื่อนของพี่สะใภ้ ดอกเบี้ยคิดเกินจริงจากตามที่กฎหมายกำหนด กลายเป็นว่าไม่เป็นผลต่อการฟ้องร้องอะไรทั้งสิ้น

“ทุกวันนี้แฟนเราเจอแต่หนี้รอบตัว หนี้จากแบงก์ทั้งหมด 3 ธนาคาร ที่ขู่ว่าจะฟ้องร้องแฟนเราที่ไม่ยอมจ่าย แฟนเรายินยอมที่จะปล่อยให้ยึดคอนโดฯ ไปเลย ยึดไปให้หมดเลย เพราะแฟนเราก็ไม่มีปัญญาหามาจ่ายเหมือนกัน 3 ธนาคาร แต่การจะยึดทรัพย์มันไม่ได้ง่ายเหมือนกับเล่นขายของ ธนาคารดำเนินการตามกฎหมายคือ ฟ้องร้องแฟนเราก่อน ซึ่งเราเจ็บใจและเสียใจมากที่แฟนเราต้องมารับผิดชอบในหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แฟนเราได้บทเรียนราคาแพงมาก เขายอมรับกับเราว่าตอนแรกที่มีคนมาเสนอธุรกิจนี้ให้เขา วาดฝันเขา เขาโลภเอง นึกว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปอย่างที่คิด นึกว่าเพื่อนของพี่สะใภ้จะไม่หักหลังกัน เพราะแฟนเราถามพี่ชายก่อนตกลงทำธุรกิจนี้ว่าเพื่อนของพี่สะใภ้คนนี้ไว้ใจได้ไหม ซึ่งพี่ชายบอกว่าไว้ใจได้ แต่สุดท้ายภาระตกมาอยู่ที่แฟนเราคนเดียวเลย” เจ้าของกระทู้ระบุ

อ่านกระทู้ต้นฉบับ คลิกที่นี่ https://pantip.com/topic/40989474

ด้านสมาชิกพันทิปรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การทำธุรกิจคอนโดเงินเหลือ หรือคอนโดเงินทอน มีเจตนาทุจริตตั้งแต่แรก เพราะโดยปกติถ้าคิดตามความสามารถในการชำระหนี้สามารถทำได้แค่หลังเดียว แต่กลับพบว่ายื่นกู้พร้อมกัน 6 แห่ง เพราะระหว่างนั้นข้อมูลในเครดิตบูโรยังไม่ขึ้น อีกทั้งหลอกธนาคารด้วยการประเมินวงเงินสูงกว่าราคาซื้อขายจริงทำให้เมื่อธนาคารให้สินเชื่อก็มีเงินเหลือมาแบ่งกัน ผู้กู้มีคนเดียว แต่คนอื่นมาเอาไปอีก ถือว่าแฟนหนุ่มถูกหลอกตั้งแต่แรกแล้ว ส่วนวิธีการแก้ไข ต้องขายออกทุกห้องใช้หนี้ไป เมื่อขายไม่ออก ธนาคารยึดไปขายในราคาถูก ไม่พอใช้เงินกู้ก็ต้องมีการทวงหนี้ส่วนที่เหลืออีก ให้พี่ชายและพี่สะใภ้ไปติดตามทวงหนี้ บอกพ่อแม่ญาติพี่น้องด้วยว่าเกิดเรื่องแบบนี้ มีทรัพย์สินพอจะขายมาช่วยหรือไม่ ส่วนการแจ้งตำรวจนั้นแม้จะถูกหลอกลวง แต่ไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มจะกลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดไปด้วยหรือไม่ เหมือนร่วมกันโกงธนาคาร

สมาชิกพันทิปอีกรายหนึ่งระบุว่า “เป็นเรื่องของความโลภ อย่าไว้ใจใครนอกจากตัวเอง และอย่าโลภมากไป โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ถ้าใครมาชวนให้คิดก่อนเลย ถ้ามันดีแล้วเขาจะมาชวนเราทำไม เก็บเงียบๆ รวยคนเดียวไม่ดีกว่าหรือ?”


กำลังโหลดความคิดเห็น