นักข่าวชื่อดัง “จตุรงค์ สุขเอียด” วิเคราะห์เดือดคดีดัง “ผกก.โจ้” คลุมถุง เชื่อความผิดหนักเบาในคดีจึงขึ้นกับว่าใครทำสำนวน เมื่อทำละเอียดรอบคอบความยุติธรรมไม่ว่าจะกับคนเป็นหรือคนตายก็จะเกิดขึ้น แล้วมันจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปได้
จากกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ถูกร้องเรียนว่าเรียกรับผลประโยชน์จากผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่เป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหายาเสพติดชื่อว่า นายจิระพงศ์ อายุ 24 ปี ไม่ยินยอมเพราะจ่ายได้แค่ 1 ล้านเท่านั้น จึงถูก ผกก.นายดังกล่าวใช้ถุงดำคลุมศีรษะจนเป็นเหตุให้ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตในที่สุด ภายหลังเกิดเหตุ ผกก.ก็ได้มีการบังคับให้ลูกน้องทำสำนวนในเชิงผู้ตายเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ตามที่ได้รายงานข่าวไปแล้วนั้น นอกจากนี้ ทางด้านทนายษิทราได้เปิดเผยแชตของนายตำรวจชั้นผู้น้อยที่ส่งคลิปดังกล่าวมาให้กับทนายษิทรา ที่ได้ระบุข้อความขอความช่วยเหลือ ระบุหาก ผกก.โจ้หลุดรอดออกมาได้พวกตนเองคงไม่มีชีวิตอยู่ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (27 ส.ค.) เฟซบุ๊ก “จตุรงค์ สุขเอียด” นักข่าวชื่อดัง ได้โพสต์วิเคราะห์ถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุข้อความว่า “นักข่าวรุ่นน้อง โทร.มาว่าช่วยวิเคราะห์คดี ผกก.โจ้ให้หน่อยครับ ผมว่า 1. การส่งตัวกลับไปดำเนินคดีที่ภาค 6 ซึ่งเป็นพื้นที่ในปกครองของเขา เหมือนเอาเสือกลับเข้าป่าไป แม้ในสภาพบาดเจ็บแต่ก็ยังเป็นเสือ 2. มีลูกพี่ในกองบัญชาการภาค 6 ดูแล ซึ่งแผ่ไปหลายจังหวัด มีสายสัมพันธ์มาถึง สำนักงานใหญ่ที่ปทุมวัน อย่างไรหนักจะกลายเป็นเบา 3. คดีนี้อย่างไรมีการสั่งฟ้องแน่ เพื่อให้จบที่คำสั่งศาล เพราะจะไม่มีใครโต้แย้งผลที่ออกมาได้ โดยอัยการต้องสั่งฟ้องไปแน่ แล้วอย่างไรครับพี่
คดีนี้อ่อนที่โจทก์ หรือเจ้าทุกข์ที่ตายแล้ว และมีข้อหายาเสพติด
1. ทำให้ญาติไม่กล้าเดินหน้าเอาเรื่องถึงที่สุด
2. ถ้าดูจากปฏิกิริยาญาติก็อ่อนลง การจะมาเรียกร้องหรือโต้แย้งในศาลแบบคนที่ถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม คงไม่เกิด
3. จุดแข็งจุดเดียว คือคลิปที่ร่วมกันใช้ถุงคลุมหัวจนตาย
- แต่เขาโต้แย้งว่า ไม่เจตนาฆ่า
แม้มีพยานที่นำคลิปมาเผยแพร่ จะถูกเกลี้ยกล่อมให้การแค่ตามสภาพ
- ผลที่ได้คือ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
แต่ถ้าซักค้านว่าจำเลยได้ร่วมกันกู้ชีพแล้วนำส่งโรงพยาบาล ประกอบด้วยแสดงเจตนาบริสุทธิ์
- ผลชันสูตร ถ้าไม่ลงว่าเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ ก็ยิ่งสนับสนุนไม่เจตนาฆ่า
- ผมว่า อย่างไรเสียคดีนี้สรุปสำนวนสั่งฟ้องเร็วเพื่อให้พิพากษาเร็ว ทั้งเพื่อไม่ให้ติดคุกระหว่างพิจารณาคดีนาน ถ้าจำเลยรับสารภาพ ความผิดจะได้ลดลงอีกครึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษไม่มากนัก
ถ้าข้อหา ไม่เจตนา หรืออยู่ในกรอบของปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเพียงอย่างเดียว ก็นับวันออกมาได้เลย
แล้วอย่างไรจึงจะยุติธรรมต่อเหยื่อ
ผมวิเคราะห์ต่อว่า คดีนี้คนเปิดประเด็นคลิปเป็นทนายษิทรา ทนายจึงคือจุดแข็งหลักที่จะงัดกฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำหน้าที่ให้เกิดความถูกต้องได้ เขาก็ควรเดินหน้าร้องให้หน่วยงานคู่ขนานทำสำนวนคู่ สอบสวนคู่ คือ 1 คดี ส่งศาลแบบ 2 หรือ 3 สำนวน ของตำรวจชุดหนึ่ง หน่วยงานอื่นที่มีอำนาจเกี่ยวข้องชุดหนึ่ง มันจะค้านกันให้ศาลเห็นเพื่อพิจารณา
- คือให้ร้องให้ ป.ป.ท.ทำคดี กับดีเอสไอ ร่วมตั้งพนักงานสอบสวนคดี ฆาตกรรม บังคับขู่เข็ญ ขืนใจ ประสงค์ต่อทรัพย์
- ร้อง 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ทั้งชุด
- ให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตั้งคณะเข้ามาดูการละเมิดสิทธิผู้ต้องหา
- ให้ร้อง ปปง.ตรวจอายัดทรัพย์และเส้นทางการเงินทั้งเครือข่าย
แล้วรวบรวมคดี ฟ้องใหม่ ไม่ใช่แค่ที่คนเข้าใจว่า แค่พลั้งมือ ความผิดหนักเบาในคดีจึงขึ้นกับว่า ใครทำ สำนวน ด้วย เพราะเมื่อทำละเอียดรอบคอบ ความยุติธรรมไม่ว่าจะกับคนเป็นหรือคนตายก็จะเกิดขึ้น แล้วมันจะเป็นบรรทัดฐานต่อไปได้”