พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 และโฆษกตำรวจภูธรภาค 3 เข้าพูดคุยกับ นายภรันยู เจ้าของร้านตัดผมใน จ.อุบลราชธานี สอบถามสาเหตุ พร้อมปรับปรุงดำเนินการให้ถูกต้อง หลังขึ้นป้ายไม่ตัดผมให้ ตร.สายตรวจ
จากกรณีช่างตัดผมในตัวเมืองอุบลราชธานี ติดไวนิลประกาศไม่ตัดผมให้ตำรวจสายตรวจ เพราะฝังแค้นตั้งแต่สมัยเรียนชั้นมัธยมศึกษา ถูกกลั่นแกล้งจับกุมดำเนินคดี ล่าสุด เมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมาก็ถูกจับปรับขับขี่รถไม่สวมหมวกกันน็อกอีก
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (27 ก.ค.) เพจ “โปลิศไทยแลนด์ - Police Thailand News” ได้ออกมาโพสต์ภาพเจ้าของร้านตัดผมใน จ.อุบลราชธานี ขณะกำลังปลดป้ายไวนิล ไม่ตัดผมให้ตำรวจสายตรวจลง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ข้างกาย
ทั้งนี้ ทางเพจไดรายงานความคืบหน้าในกรณีดังกล่าว ว่า พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 และโฆษกตำรวจภูธรภาค 3 ได้มีการพูดคุยกับหนุ่มคนดังกล่าว โดยทาง ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานี ได้เชิญเจ้าของร้านตัดผม มาพูดคุยสอบถามต้นสายปลายเหตุที่มาที่ไป หากเป็นจริงจะได้แก้ไขปรับปรุงดำเนินการให้ถูกต้อง
อนึ่ง นายภรันยู (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 24 ปี เจ้าของร้านตัดผมรายนี้ให้รายละเอียดที่มาของการขึ้นป้าย ว่า ตนมีความคับแค้นใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์มาตั้งแต่สมัยยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรือเมื่อ 8-9 ปีก่อน ได้เข้าจับกุมตนขณะนั่งดื่มสุรากับเพื่อนที่ริมเขื่อนแม่น้ำมูล
โดยครั้งนั้นมีตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ 2 นาย ไม่ขอเปิดเผยเป็นตำรวจสังกัดสถานีตำรวจอะไร เข้ามาขอค้นตัวตน นายตำรวจรายแรกค้นแล้วไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย หลังจากนั้น ตำรวจอีกนายได้ขอค้นบ้าง คราวนี้พบยาบ้า 2 เม็ดอยู่ในกระเป๋ากางเกงของตน ทั้งที่ตนไม่เคยเสพยาหรือเคยเห็นยาเสพติดชนิดนี้มาก่อน
หลังถูกตรวจค้นพบยาบ้า 2 เม็ด ตำรวจสายตรวจก็ได้คุมตัวตนไปโรงพัก ตนจึงโทรศัพท์แจ้งให้อาจารย์ที่ปรึกษามาช่วยเหลือ จึงมีการเจรจาให้เคลียร์เรื่องและให้จ่ายเงินค่าปรับฐานดื่มสุราในที่สาธารณะ และเมาสุราประพฤติตนวุ่นวาย เสียเงินค่าปรับไป 3,000 บาท ทำให้ตนไม่ชอบการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสายตรวจมาโดยตลอด กระทั่งล่าสุดเมื่อกลางเดือนมิถุนายนปีนี้ ขณะที่ตนขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปกินข้าว ก็เจอตำรวจสายตรวจขี่รถเข้ามาประกบเรียกขอตรวจสารเสพติด จากการตรวจไม่พบมีสารเสพติดในร่างกายแต่อย่างใด ก็ได้จับตนในข้อหาขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันน็อก
ซึ่งตนพยายามเจรจาขอให้อะลุ่มอล่วยกันหน่อย แต่ตำรวจไม่ยอมจะให้ตนเสียค่าปรับเป็นเงิน 1,000 บาท ตนไม่ยอมเสียทั้งที่มีเงินอยู่ และปล่อยให้ยึดรถ ทำให้ตำรวจที่จับตนไม่พอใจพูดจาไม่ดีกับตน และถูกตั้งข้อหาไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถ ไม่ต่อทะเบียนรถ ต้องเสียเงินค่าปรับเป็นเงิน 1,500 บาท
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกว่าถูกตำรวจกลั่นแกล้ง จึงได้ขึ้นป้ายไม่ตัดผมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เมื่อถามว่ากลัวเรื่องผลกระทบที่จะตามมาหรือไม่ นายภรันยู หนุ่มช่างตัดผมรายนี้ ยอมรับว่ากลัว แต่คิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ไม่ต้องการตัดผมให้ตำรวจ ก็เลยขึ้นป้ายบอกตามความรู้สึกของตน