เชียงใหม่-ช่างตัดผมเชียงใหม่แกะลายผมเป็นภาพเศียรพระพุทธรูปสวมหน้ากากอนามัยป้องกันโควิด-19 รณรงค์คนเข้าวัดทำบุญอาสาฬหบูชา เคร่งครัดมาตรการป้องกัน พร้อมเผยผลกระทบการระบาดระลอกนี้สุดหนักหน่วง ลูกค้าแทบหายเกลี้ยงจนรายได้แต่ละเดือนไม่พอค่าใช้จ่ายและภาระหนี้สิน วอนรัฐช่วยเหลือเยียวยาตรงจุด
วันนี้(24ก.ค.64) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ที่ร้านตัดผม “เหลาหัว” สาขาบ้านหัวเสือ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ “ช่างบุ๋ม” หรือ นายนพพร เชื้อประยูร อายุ 39 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งฝีมือเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง และขึ้นชื่อในเรื่องการตัดผมแกะลายต่างๆ ทั้งลายซูเปอร์ฮีโร่จากภาพยนตร์ รวมทั้งสะท้อนประเด็นทางสังคม เช่น กรณียิงเสือดำ หรือกรณีบ้านป่าแหว่ง เป็นต้น ได้ถือโอกาสเนื่องในวันอาสาฬหบูชา และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ยังคงมีแนวโน้มรุนแรงต่อเนื่อง ตัดผมแกะลายเป็นภาพเศียรพระพุทธรูปสวมใส่หน้าอนามัยป้องกันโควิด-19 ทั้งนี้เพื่อเป็นการสื่อถึงการเข้าวัดทำบุญในวันสำคัญทางพุทธศาสนา พร้อมรณรงค์เน้นย้ำให้ปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในการระวังป้องกันตัวเองจากโควิด-19 ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม
โดยนายนพพร เปิดเผยว่า ตั้งใจตัดผมแกะลายเป็นภาพเศียรพระพุทธรูปสวมใส่หน้าอนามัย เนื่องจากปกติในช่วงวันอาสาฬหบูชา จะเป็นช่วงที่ผู้คนต่างพากันเข้าวัดทำบุญเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ยังมีแนวโน้มรุนแรง จึงอยากใช้โอกาสนี้ตัดผมแกะลายนี้เพื่อสะท้อนสถานการณ์และรณรงค์ให้ผู้คนตระหนักปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัดในเรื่องของมาตรการป้องกันส่วนบุคคล ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคม เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพะในช่วงระหว่างการทำบุญที่วัด ที่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา งดการรวมกลุ่มและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงทั้งหมด
นอกจากนี้ “ช่างบุ๋ม” บอกว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออาชีพช่างตัดผมอย่างหนักมาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้วที่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 แต่ต้องยอมรับว่าในการระบาดระลอกล่าสุดนี้ก่อให้เกิดผลกระทบและความยากลำบากหนักยิ่งขึ้นและมากกว่าที่ผ่านมา แม้จะเปิดร้านโดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด แต่ก็แทบจะเหมือนกับปิดร้าน เพราะไม่มีลูกค้าใช้บริการ เนื่องจากลูกค้าระวังตัวและเลือกที่จะงดตัดผมในช่วงนี้ รวมทั้งต้องยอมรับว่ามีลูกค้าอีกจำนวนมากที่เลือกจะประหยัดเงินค่าตัดผมไว้ใช้จ่ายอย่างอื่นแทน เพราะไม่มีรายได้ ซึ่งในช่วงสถานการณ์ปกติทางร้านจะมีลูกค้าใช้บริการวันละประมาณ 20-30 ราย แต่ทุกวันนี้เหลืออย่างมากไม่เกิน 10 ราย และบางวันไม่มีลูกค้าเลย
ทั้งนี้จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้น “ช่างบุ๋ม” บอกว่า ส่งผลกระทบต่อตัวเองและครอบครัวอย่างมาก เนื่องรายได้ลดลงไม่เพียงพอกับรายจ่ายและภาระหนี้สิน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ในแต่ละเดือนที่มีเท่าเดิมแม้ว่าจะพยายามประหยัดและปรับตัวทุกอย่างแล้ว แต่ก็ยังประสบปัญหา เพราะอาชีพเปิดร้านตัดผมนั้นไม่ได้มีเงินเดือนประจำ มีเพียงรายได้เป็นวันๆ ขึ้นอยู่กับลูกค้าที่ใช้บริการ ซึ่งที่ผ่านมาแทบไม่เคยได้รับการช่วยเหลือเยียวยาที่เห็นผลเป็นรูปธรรมเลย สวนทางกับสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น จึงอยากวิงวอนเรียกร้องหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องสำรวจและทบทวนมาตรการช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง และอย่างทั่วถึงเท่าเทียมด้วย ซึ่งรวมถึงการจัดสรรวัคซีนโควิด-19คุณภาพดีให้ประชาชนด้วย.