xs
xsm
sm
md
lg

รู้จัก “ไฟเซอร์” เขาว่าเป็นวัคซีนเทพ ป้องกันโควิด-19 ด้วยเทคโนโลยี mRNA

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทำความรู้จักข้อมูลเบื้องต้น วัคซีนไฟเซอร์ที่ทางการไทยซื้อ 20 ล้านโดส และสหรัฐอเมริกาบริจาค 1.5 ล้านโดส ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 21 วัน ผลข้างเคียงมีบ้างแต่เกิดแก่วัยรุ่นมากกว่า

รายงาน

ในวันนี้ (20 ก.ค.) บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด และ ไบออนเทค บริษัทเยอรมนี ได้ประกาศลงนามสัญญาร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในการส่งวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จำนวน 20 ล้านโดส สำหรับปี พ.ศ. 2564 ให้แก่ประเทศไทย โดยมีกำหนดการส่งมอบในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดเกี่ยวกับมูลค่าการซื้อขายไม่อาจเปิดเผยได้ แต่มีข้อกำหนดเป็นไปตามช่วงเวลาในการส่งมอบและจำนวนโดสที่สั่ง

นอกจากวัคซีนไฟเซอร์ที่ทางการไทยสั่งซื้อแล้ว ก่อนหน้านี้รัฐบาล โจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา ประกาศกรอบความร่วมมือเพื่อแบ่งปันวัคซีนจำนวน 80 ล้านโดสทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือประเทศไทย

มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบให้กรมควบคุมโรคจะลงนามกับ Department of Health and Human Service สหรัฐอเมริกา ในการรับบริจาควัคซีนไฟเซอร์ จำนวน 1.5 ล้านโดส

ล่าสุด ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (PMOC) ระบุว่า ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-สหรัฐอเมริกา วัคซีนไฟเซอร์ (mRNA) ล็อตแรก 1.5 ล้านโดส จะถึงประเทศไทย 29 ก.ค.นี้

ข้อมูลเบื้องต้นสำหรับวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค ชื่ออย่างเป็นทางการคือ วัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty Vaccine) หรือ BNT162b2 คิดค้นและพัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ สหรัฐอเมริกา ร่วมกับไบออนเทค ประเทศเยอรมนี ขึ้นบัญชีเป็นวัคซีนสำหรับการใช้งานฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2563

ต่อมาบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยื่นขอขึ้นทะเบียนต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2564

เป็นวัคซีนที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า เอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่พัฒนามานานกว่า 30 ปี โดยการสังเคราะห์สารเอ็มอาร์เอ็นเอที่กำกับการสร้างโปรตีนสไปร์คของไวรัสซาร์สโควีทู (SARS-CoV-2)

วัคซีนที่ใช้เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันขึ้นสูงมาก โดยเมื่อฉีดวัคซีนเข้าไปแล้วจะไปกำกับให้เซลล์ผลิตสารโปรตีนสไปร์ค ทำให้เซลล์ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ขึ้นมาต่อต้าน

เดิมวัคซีนไฟเซอร์ต้องเก็บในอุณหภูมิที่ต่ำ ความเย็น -70 องศาเซลเซียส แต่ทางไฟเซอร์ได้ส่งเอกสารถึงองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ให้ข้อมูลว่า สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นมาตรฐาน (2-8 องศาเซลเซียส) ได้นานสูงสุด 1 เดือน

หน่วยงานด้านสาธารณสุขของฮ่องกง (CHP) ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์จะใช้ฉีดให้แก่ผู้ใหญ่ และวัยรุ่นที่มีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป โดยต้องฉีดที่กล้ามเนื้อต้นแขน 2 โดส ระยะเวลาห่างกันอย่างน้อย 21 วัน

สำหรับผลข้างเคียงที่พบบ่อยครั้ง 1 ใน 10 คน จะเจ็บปวดและบวมบริเวณที่ฉีด เหนื่อยล้า ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ หนาวสั่น ปวดข้อต่อ ท้องเสีย และมีไข้ขึ้น บางส่วนของอาการข้างเคียงเหล่านี้มักจะเกิดแก่วัยรุ่นช่วงอายุ 12-15 ปี มากกว่าผู้ใหญ่

ส่วนผลข้างเคียงที่ผิดปกติ 1 ใน 100 คน คือ ต่อมน้ำเหลืองโต รู้สึกไม่สบาย ปวดแขน นอนไม่หลับ อาการคันตรงบริเวณที่ฉีด อาการแพ้กำเริบ เช่น ผื่นแดง คัน

และผลข้างเคียงที่พบได้ยาก 1 ใน 1,000 คน ใบหน้าหย่อนคล้อยหนึ่งข้างชั่วคราว และอาการแพ้กำเริบ เช่น ลมพิษ อาการบวมที่ใบหน้า

ข้อมูลเพิ่มเติม

เอกสารข้อมูลการฉีดวัคซีน COMIRNATYTM COVID-19 mRNA Vaccine (BNT 162b2) จากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของฮ่องกง 

เอกสารเกี่ยวกับวัคซีนไฟเซอร์จากรัฐบาลออสเตรเลีย

แนวทางการให้วัคซีนโควิด-19 ในสถานการณ์การระบาด ปี 2564 ของประเทศไทย (ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1 มิถุนายน 2564) 


กำลังโหลดความคิดเห็น