ดร.รักไทย บูรพ์ภาค อนุกรรมการประจำคณะกรรมาธิการการพลังงาน แนะจัดตั้ง “องค์กรจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกลางทุกรูปแบบ” ที่สามารถจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทุกรูปแบบอย่างทันท่วงที ยกระดับจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เพิ่มงบประมาณ อุปกรณ์เซฟ ชี้ต้องเรียนรู้จากโรงงานกิ่งแก้วไฟไหม้
จากเหตุการณ์เพลิงไหม้ถังเก็บสารเคมีระเบิดภายในบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตเม็ดโฟมและพลาสติก ตั้งอยู่เลขที่ 87 หมู่ 15 ซอยกิ่งแก้ว 21 ถนนกิ่งแก้ว ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.09 น. ของวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา แรงอัดทำให้บ้านเรือนและโรงงานที่อยู่โดยรอบรัศมี 500 เมตรได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก และเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีสารสไตรีนโมโนเมอร์ และสารพอลิสไตรีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตรวมกันถึง 20,000 ลิตร
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ก.ค. ดร.รักไทย บูรพ์ภาค อนุกรรมการประจำคณะกรรมาธิการการพลังงาน และอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโวฒ ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "Ruktai Ace Prurapark" แนะนำภาครัฐเกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกลางทุกรูปแบบ ซึ่งอาจจะเป็นองค์กรที่ไม่ต้องขึ้นต่อกระทรวงใดเลย สามารถจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินได้ทุกรูปแบบอย่างทันท่วงที โดย ดร.รักไทยได้ระบุข้อความว่า
“1. อาจจะยกระดับจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
2. ปรับปรุงงบประมาณและเครื่องมือให้พร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉินทุกรูปแบบ อุปกรณ์ PPE เฮลิคอปเตอร์ และอื่นๆ
3. ความรู้ความเชี่ยวชาญของบุคลากรในองค์กร ที่ต้องอาศัยสหวิชา และการบูรณาการความรู้ความสามารถทุกแขนง รวมถึงสวัดดิการที่ดีให้บุคลากรด้วยนะครับ หน่วยงานหนึ่งที่ได้รับความชื่นชมอย่างมากในการจัดการสถานการณ์ COVID-19 ในสหรัฐอเมริกา และรวมถึงเหตุการณ์ตึกถล่มในรัฐฟลอริดา คือหน่วยงานที่ชื่อ FEMA - (Federal Emergency Management Agency) นะครับผม ผมเชื่อว่าถ้าเรามีหน่วยงานนี้ในไทยอย่างมีประสิทธิภาพ เหตุการณ์อย่าง Covid-19 โรงงานโฟมระเบิด ท่อก๊าซระเบิด เหตุกราดยิง และหลายๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่าจะสามารถลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมากเลยนะครับผม ถึงเวลาแล้วรึยังครับ!?”