xs
xsm
sm
md
lg

โลกที่ร้อนระอุเกิดเป็นสงครามโลกโดยไม่คาดคิด! เพราะกระสุนเพียง ๒ นัดในวันที่ ๒๘ มิถุนายน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โรม บุนนาค



ในบรรยากาศที่โลกร้อนระอุด้วยความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างในปัจจุบัน สงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็ไม่เกินไปที่จะคาดคิด เมื่อถูกสะกิดแผลหนึ่งแม้จะเป็นแผลเล็กๆ ก็อาจขยายเป็นสงครามใหญ่ที่ลามไปทั่วโลกได้ และเมื่อถึงวันนั้นก็คาดไม่ถูกว่าโลกใบนี้จะเป็นอย่างไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างสะสมอาวุธมหาประลัยไว้เต็มกำลัง และต้องทุ่มเข้าถล่มกันอย่างไม่ต้องคิดถึงอะไรทั้งสิ้น เพราะต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้

อย่างสงครามโลกครั้งที่ ๑ ซึ่งถือกันว่า แค่กระสุนเพียง ๒ นัดก็เป็นชนวนของการเกิดสงครามโลกในครั้งนี้ แต่ความจริงเป็นเพียงจุดระเบิดที่หลายประเทศสะสมความร้อนระอุจากความขัดแย้งมาหลายเรื่อง

เหยื่อของกระสุน ๒ นัดนั้นก็คือ อาร์คดยุค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทแห่งราชอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ราวครึ่งหนึ่งของยุโรป ทรงตระหนักว่าจักรพรรดิฟรานซ์ โจเซฟ ที่ ๑ คงครองราชย์อีกไม่นานเพราะพระชนมายุ ๘๔ พรรษาแล้ว พระองค์ทรงดำริว่า ราชอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการีจะมั่นคงก็ควรให้คนทั้ง ๓ เชื้อชาติ คือ ออสเตรีย แมกยาร์ และสลาฟ มีส่วนในการปกครอง แต่ได้รับการโต้แย้งจากหลายฝ่ายที่ไม่ต้องการให้พวกสลาฟเข้ามีส่วนด้วย ฝ่ายพวกสลาฟเองก็เห็นว่าเป็นแผนการของอาร์คดยุคที่จะไม่ให้พวกสลาฟแยกตัวเป็นอิสระ ฉะนั้นเมื่อมีข่าวว่าอาร์คดยุคและพระชายาจะเสด็จไปเยือนกรุงซาราเจโวในวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๔๕๗ พวกสลาฟในเซอร์เบียและบอสเนียซึ่งก่อตั้งสมาคมลับ “Black Hand” จึงวางแผนลอบปลงพระชนม์ขึ้น

อาร์คดยุดมีพระประสงค์จะให้ประชาชนเข้าเฝ้าพระองค์โดยใกล้ชิด จึงขอร้องไม่ให้มีทหารรักษาการณ์เรียงรายตามท้องถนน นอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นเพียง ๑๕๐ นาย และในรถพระที่นั่งนั้น ยังมีนายพลโปติโอเรค ผู้บัญชาการทหารของแคว้นบอสเนียนั่งอยู่ตอนหน้าด้วย

ยาขณะที่ขบวนรถพระที่นั่ง ๖ คันแล่นเข้าสู่ตัวเมืองนั้น อาร์คดยุคในชุดจอมพลของกองทัพบกออสเตรียนั่งเคียงคู่มากับพระชาชาโซฟีในตอนหลังของรถคันที่ ๒ ซึ่งเปิดประทุน พระองค์ทรงพอใจในการต้อนรับของราษฎรซึ่งมาเฝ้าตลอด ๒ ข้างทางด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ตามเส้นทางเสด็จมีธงทิวและพระฉายาลักษณ์ของอาร์คดยุคติดอยู่ทั่วไป

แต่พอใกล้จะถึงศาลากลางเมืองซาราเจโว แผนสังหารที่ ๑ ก็เริ่มขึ้น เด็กหนุ่มชาวเซอร์เบียขว้างระเบิดลูกหนึ่งมาจากฝูงชน เผอิญคนขับรถพระที่นั่งเห็นก่อน จึงเหยียบคันเร่งอย่างแรง เป็นผลให้ระเบิดเลยไปตกท้ายรถ และระเบิดขึ้นที่ใต้ท้องรถคันที่ตามมา คนขว้างถูกตำรวจจับไว้ได้ อาร์คดยุคไปถึงศาลาว่าการเมืองด้วยความพิโรธ ทรงตะโกนลั่นว่า

“เรามาที่นี่เพื่อเยี่ยมเยียน แต่กลับได้รับการต้อนรับด้วยระเบิด”

ฝ่ายต้อนรับทูลขอให้เสด็จกลับ แต่อาร์คดยุคกลับรับสั่งถามผู้ว่าราชการแคว้นบอสเนียว่า

“ท่านคิดว่าเมืองซาราเจโวเต็มไปด้วยฆาตกรเช่นนั้นหรือ?”

ฝ่ายถวายความอารักขาจึงให้เปลี่ยนเส้นทางเสด็จและใช้ความเร็วสูง แต่รถนำกลับไปในเส้นทางเดิม นายพลโปติโอเรคจึงร้องบอกคนขับไม่ให้ตาม คนขับจึงหยุดรถเพื่อถอยกลับ พอดีกับ การิโล ปรินซิบ มือสังหารของสมาคม “แบลคแฮนด์” อยู่ในฝุงชนตรงนั้นพอดี เขาก้าวออกมาข้างหน้า แล้วยกปืนขึ้นยิง นัดแรกเข้าที่พระศอฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ การิโล ปรินซิบลั่นไกอีกนัด หมายสังหารนายพลโปติโอเรค ผู้อยู่ในเป้าหมายที่ต้องสังหารด้วย แต่กระสุนกลับพลาดไปถูกพระชายาโซฟี ทรงฟุบลงบนพระอุระของพระสวามีทันที ฟรานซ์ เฟอร์ดนานด์ซึ่งพระโลหิตนองเครื่องแบบยังพึมพำกับพระชายาว่า
“โซฟี..โซฟี เธออย่าเพิ่งตายนะ เธอจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อลูกของเรา”

อาร์คดยุคไปสิ้นพระชนม์ที่สถานรับเสด็จ ซึ่งพระองค์ได้รับสั่งคำสุดท้ายว่า

“เปล่าประโยชน์จริงๆ”

จอมพลคอนราด เสนาธิการทหารออสเตรียประกาศว่า การลอบปลงระชนม์ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการประกาศสงครามของเซอร์เบียต่อมหาอาณาจักรออสเตรีย-ฮังการี บรรดาเสนาบดีของออสเตรีย-ฮังการีที่เคยคัดค้านการทำสงครามกับเซอร์เบียมาตลอด กลับสนับสนุนเป็นเสียงเดียวกันหลังจากออสเตรีย-ฮังการียื่นคำขาดให้จัดการเรื่องนี้ ฝ่ายเซอร์เบียก็ระดมพลในวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ต่อมาในวันที่ ๒๘ กรกฎาคมออสเตรีย-ฮังการีจึงประกาศสงครามกับเซอร์เบีย และในวันที่ ๒๙ กรกฎาคมในเวลา ๐๕.๐๐ น. ปืนใหญ่ของออสเตรีย-ฮังการีก็ระดมยิงข้ามแม่น้ำดานูบไปยังกรุงเบลเกรดที่มีธงของเซอร์เบียติดอยู่บนหลังคาบ้าน

เมื่อออสเตรีย-ฮังการีเปิดฉากสงครามขึ้นเป็นประเทศแรก ประเทศต่างๆที่เตรียมสงครามมาอย่างสงบก็เริ่มเปิดเผย เข้าสนับสนุนฝ่ายที่มีผลประโยชน์กับตนทั้งทางด้านการค้าและดินแดน ฝรั่งเศสซึ่งเสียแคว้นอัลซาส ลอร์เรนให้เยอรมัน จึงหนุนรัสเซียให้เข้าขวางการรุกรานของออสเตรีย-ฮังการี รัสเซียได้ประกาศระดมพลในวันที่ ๓๐ กรกฎาคม เยอรมันยื่นคำขาดให้รัสเซียหยุดระดมพลใน ๑๒ ชั่งโมง เมื่อรัสเซียทำเฉย เยอรมันจึงประกาศสงครามกับรัสเซียในวันที่ ๑ สิงหาคม และขอให้ฝรั่งเศสประกาศวางตัวเป็นกลาง เมื่อฝรั่งเศสไม่ประกาศ เยอรมันจึงประกาศสงครามกับฝรั่งเศสในวันที่ ๓ สิงหาคม และขอเดินทัพผ่านเบลเยี่ยมไปตีฝรั่งเศส เบลเยี่ยมขอความช่วยเหลือไปทางอังกฤษ อังกฤษจึงประกาศสงครามกับเยอรมันในวันที่ ๔ สิงหาคม และมอนเตเนโกรเข้าร่วมกับเซอร์เบียร์ในวันที่ ๗ สิงหาคม

ไฟสงครามไม่เพียงแต่ลุกโชนขึ้นในยุโรปเท่านั้น อังกฤษซึ่งมีข้อตกลงช่วยเหลือซึ่งกันและกันกับญี่ปุ่น จึงขอให้ญี่ปุ่นปฏิบัติตามสัญญา ญี่ปุ่นต้องการจะทำลายผลประโยชน์ของเยอรมันในจีนอยู่แล้ว และต้องการแก้แค้นเยอรมันที่แสดงความไม่เป็นมิตรกับญี่ปุ่นในสงครามจีน-ญี่ปุ่น จึงยื่นคำขาดให้เยอรมันถอนเรือรบออกจากเขตน่านน้ำจีนและญี่ปุ่น และให้คืนเขตเกียวเจาซึ่งเยอรมันขอสัมปทานไว้ ๙๙ ปีตั้งแต่ปี ๒๔๔๑ เมื่อเยอรมันไม่ตอบใน ๘ วัน ญี่ปุ่นจึงประกาศสงครามกับเยอรมันในวันที่ ๒๓ สิงหาคม

นี่คือการเกิดมหาสงครามครั้งแรกของโลก








กำลังโหลดความคิดเห็น