xs
xsm
sm
md
lg

ประหยัดสู้โควิด! "เป็ด เชิญยิ้ม" จากใช้เงินวันละหมื่นเหลือวันละหลักร้อย ตัดใจขายสมบัติเก่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"เป็ด เชิญยิ้ม" เปลี่ยนชีวิตสู้โควิด เลิกฟุ่มเฟือยหันมาประหยัดเงิน เคยใช้วันละหลักหมื่นเหลือวันละหลักร้อย เลิกใช้ของแบรนด์เนม รัดเข็มขัดตัวเองลดคนงานในบ้าน เริ่มขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็น

เป็นโรคร้ายที่สร้างความเดือดร้อนให้ทุกชีวิตทุกอาชีพจริงๆ สำหรับโควิด-19 หนึ่งในอาชีพที่ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ก็คือวงการบันเทิง กองละครไม่สามารถถ่ายทำได้ คอนเสิร์ตต้องถูกยกเลิก จัดอีเวนต์ไม่ได้ หลายๆ งานต้องหยุดชะงัก ส่งผลให้คนในวงการขาดรายได้ ไม่เว้นแม้แต่ตลกรุ่นใหญ่ "เป็ด เชิญยิ้ม" ที่ออกมายอมรับผ่านรายการคุยแซ่บShow ว่า ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนประหยัด จากเคยใช้เงินวันละหลักหมื่น เปลี่ยนมาใช้วันละหลักร้อย

"นี่คือเรื่องจริง วันนี้โลกมันหมุนกลับแล้ว เราเคยลำบากตอนเรา 6 ขวบ 7 ขวบ เรากำลังเริ่มโตขึ้นมาจนมามีชื่อเสียง มีเงินทอง วันนี้ระเบิดสงครามใหญ่ สงครามชีวภาพที่มันเกิดขึ้น เราเหมือนนักรบที่เราจะต้องออกไปรบ เมื่อเรารบเราต้องต่อสู้ยังไง เราต้องหลบในหลุมหลบภัยนั่นก็คือบ้าน ฉะนั้นเราต้องอยู่ในบ้านที่ระมัดระวังที่สุด เพราะว่าการใช้จ่ายต่างๆ ที่มันจะเกิดขึ้นที่เราเคยฟุ้งเฟ้อมันตัดทิ้งหมดเลย มันเปลี่ยนหมดเลย"

"วันนี้กูไม่กิน วันนี้กูไม่ดื่ม เคยใช้เงินวันละ 1 หมื่น กูจะใช้เงิน 1 หมื่นให้ได้สักกี่วัน ต้องมานั่งคิดใหม่ เพราะเราห่วงคนข้างหลัง ว่าเงินก้อนนี้ต้องเก็บต้องเอาไปต่อยอด ไม่ใช่เอาเงินก้อนนี้ไปสุรุ่ยสุร่ายเพื่อให้มันหมดไป พอหมดไปเราจะหาเงินมาต่อยอดไม่ได้ เราตั้งเงินก้อนนี้ไว้ต่อยอด ธุรกิจเก่าต้องยังคงอยู่ เราอยู่บันเทิงเราจะทิ้งบันเทิงไม่ได้ แต่ว่าจังหวะนี้มันเป็นบันเทิงที่สาหัสมาก อย่างรายการก่อนบ่ายฯ เราทำมา 26 ปี เราก็ยังรัก เราต้องประคองตรงนี้ไปให้ได้เพื่อที่จะเปิดรายการใหม่ในอนาคตเมื่อทุกอย่างดีขึ้น"

ต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้อยู่รอด ตัดใจลดพนักงานในบริษัทที่เคยมีมากสุด 80 กว่าคน รวมถึงลดคนงานในบ้าน
"เพราะตอนนั้นทำงานอีเวนต์ด้วยทุกเดือนเลย ตอนนั้นอีเวนต์เยอะมาก คนเลยต้องเยอะ ตอนนี้อีเวนต์ไม่ได้แล้ว ออกต่างจังหวัดก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเลิกหมด ทำยังไงเมื่อคนเยอะ เหมือนกับเรือออกกลางทะเลวันนี้เรือเริ่มรั่ว ช่วยกันก่อน ออกไปก่อน เดี๋ยวจะกู้เรือเข้าฝั่งไปก่อน ให้เหลือไม่กี่คนเท่าที่ทำงานได้"

"ในชีวิตไม่เคยไล่ลูกน้องออก ลูกน้องออกคนนึงน้ำตาแทบไหล เพราะเราอยู่ด้วยกันมา 20 กว่าปี ก่อนบ่ายฯเป็นรายการเล็กๆ ที่เชื่อว่าเป็นรายการตลกที่เรตติ้งสูงที่สุดเลยก็ว่าได้ ในยุคก่อนเรตติ้งเคยสูงเท่าละครก่อนข่าว เรตติ้ง 8 กว่า" 

"คนงานในบ้านก็ลด ลดหมด ช่วยกัน ออกไปก่อน ขยับไปก่อน วันนี้ลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเอง เคยใช้เยอะลดส่วนตัวไป เมื่อก่อนไม่เคยคิด ใช้บัตรเครดิตรูดกันสบายเลย เดี๋ยวนี้ไม่ใช้แม้แต่ใบเดียว กลับบ้านทำกับข้าวอยู่บ้าน"

เริ่มขายทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นในชีวิต ไม่กลัวคนมองขายสมบัติกิน
"รถ BMW ซื้อมา 6 ล้านกว่า 10 กว่าปีขับไม่ถึง 50,000 กิโลฯ แล้ววันนี้เหลือล้านกว่า บ้านไม่ถึงสองล้านแล้ว เบนซ์ก็มี จะเก็บไว้ทำไม อายุก็เยอะแล้วจริงๆ อยากจะใช้รถเล็กๆ สักคันนึง ขับจากบ้านมาบริษัท ขับจากบริษัทมาบ้าน ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เราเอาเงินตรงนั้นมาทำประโยชน์ยังได้มากกว่า"

"รถเบนซ์อีก 5 ปี คันนั้นจะเหลือเท่าไหร่ ถ้าเราแย่งขายซะก่อนก็จะขาดทุนน้อยลง ถ้าปล่อยไว้ก็ขาดทุนเยอะ ไม่ใช่เพราะวิกฤติและไม่มีจะกินแล้วต้องมาขายสมบัติกิน มันไม่ใช่ แต่ที่เราทำคือเรารัดเข็มขัดตัวเอง สิ่งไหนที่เราฟุ่มเฟือยก็เลิกซะ รถเราเคยใช้เยอะก็เลิกใช้ เสื้อผ้าเคยใช้แบรนด์เนมเรามาใส่ตัวไหนก็ได้"

แนะวิธีรับมือสถานการณ์โควิดกับหลายๆ ครอบครัวที่ต้องอยู่บ้าน ต้องเจอหน้ากัน 24 ชม. อาจจะเครียดจนบางทีมีปากเสียงกัน
"ให้คิดบวก คิดดี ทำดี ได้ดี ไหว้พระ ถ้าคิดลบเครียด ประสาท เพราะทั้งโควิดมันเข้ามาทั้งหมด ยิ่งทวีความเครียด อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ อย่าให้ค่า อย่าให้ความสำคัญ ถ้าเราคิดบวกได้จะอยู่อย่างมีความสุข"







กำลังโหลดความคิดเห็น