นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายไชยยศ จิรเมธากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายบุณย์ธีร์ พานิชประไพ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน และนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ประชุมติดตามความคืบหน้าโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกยางพารา มันสําปะหลัง ข้าว ณ หอประชุมที่ว่าการอําเภอ กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี
นายจุรินทร์ กล่าวว่า มาติดตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกร ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้ผลักดันให้เป็นนโยบายของรัฐบาลในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ที่ต้องการช่วยเหลือเกษตรกร กำหนดเป็นเงื่อนไขกับพรรคพลังประชารัฐและนายกรัฐมนตรีในการเข้าร่วมรัฐบาลและเงื่อนไขแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเงื่อนไขที่ 2 เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันยังไม่เป็นประชาธิปไตยเท่าที่ควร
นโยบายประกันรายได้เกษตรกร พืช 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้ราคาพืชผลทางการเกษตรดีที่สุดโดยกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่พี่น้องเกษตรกรจะได้รับเป็นเพดาน ข้าวหอมมะลิ ประกันรายได้เกวียนละ 15,000 บาท ยางก้อนถ้วย ประกันรายได้กิโลกรัมละ 23 บาท มันสำปะหลังประกันรายได้กิโลกรัมละ 2.50 บาท ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กิโลกรัมละ 8.50บาท ช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้ 2 ทาง ถ้าราคาต่ำกว่ารายได้ที่ประกันจะมีเงินส่วนต่างโอนเข้าบัญชีพี่น้องเกษตรกรโดยตรง
“ช่วยให้พี่น้องมีหลักประกัน ยามที่พืชเกษตรราคาตกให้พอยังชีพได้โดยมีเงินส่วนต่างเข้ามาเป็นตัวช่วยโดยปีนี้นโยบายประกันรายได้ได้ดำเนินการมาเป็นปีที่ 2 แล้ว สำหรับข้าวหอมมะลิงวดที่ 3 เดือนพฤศจิกายน 2563 มีผู้ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึงครัวเรือนนะ 42,800 บาท ชาวไร่มันสำปะหลังได้เงินส่วนต่างปี 2 ได้รับเงินส่วนต่างสูงสุดถึงครัวเรือนละ 26,000 บาท” นายจุรินทร์ กล่าว
รายงานกรมการค้าภายในระบุว่า สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกรปี 2 มีเกษตรกรโครงการทั้งสิ้น 7.67 ล้านครัวเรือน เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.5 ล้ายครัวเรือน ยางพารา 1.78 ล้านครัวเรือน มันสำปะหลัง 5.2 แสนครัวเรือน ปาล์มน้ำมัน 3.7 แสนครัวเรือน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.5 แสนครัวเรือน เป็นโครงการหลัก และยังมีโครงการช่วยเหลืออย่สงอื่น เช่น ผักผลไม้ด้วยโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในรูปแบบต่างกันไปด้วยนโยบายช่วยเกษตรกรให้ได้ราคาดี
นอกจากนั้น นายจุรินทร์ ยังติดตามการช่วยเหลือเกษตรกรเรื่องปุ๋ยที่ต้นทุนแพงขึ้นเพราะแม่ปุ๋ยจากประเทศจีนได้ถูกประเทศอินเดียประมูลไปล็อตใหญ่และประเทศจีนก็เข้าสู่ฤดูหว่านทำให้ต้องเก็บสต๊อกปุ๋ยไว้ใช้ภายในประเทศและปริมาณปุ๋ยที่ส่งออกมีจำนวนลดลง ดังนั้น ตนจึงให้อธิบดีกรมการค้าภายในหาทางแก้ปัญหาโดยความร่วมมือที่ให้พ่อค้านำเข้าปุ๋ยขายปุ๋ยอย่างไรให้มีกำไรที่ยังพออยู่ได้แต่ไม่แพงโดยหาจุดสมดุลให้พ่อค้าปุ๋ยยังพอมีกำไร และให้สหกรณ์แปลงใหญ่รวมกลุ่มขอซื้อปุ๋ยราคาพิเศษที่กระทรวงพาณิชย์จับมือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกร