คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) มีมติคงบัญชีสินค้าและบริการควบคุมปี 64 ตามเดิม 51 รายการ เพิ่มมาตรการเข้มกำกับดูแลการค้า 4 รายการ เปิดให้แจ้งข้อมูลกาก DDGS ทางอิเล็กทรอนิกส์ สั่งแจ้งข้อมูลนำเข้า ผลิต จำหน่าย เหล็กเส้น เพิ่มรายละเอียดลิขสิทธิ์เพลง และปิดป้ายราคารับซื้อสินค้าทางการเกษตร พร้อมตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาค่า GP ค่าขนส่งฟู้ด เดลิเวอรี
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้พิจารณาทบทวนบัญชีสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2564 โดยมีมติให้ต่ออายุสินค้าและบริการ ที่เป็นสินค้าและบริการควบคุม 51 รายการตามเดิม แบ่งเป็นสินค้า 46 รายการ บริการ 5 รายการ เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.2564-30 มิ.ย.2565 และมีมติเพิ่มมาตรการในการกำกับดูแลการค้าสินค้าจำนวน 4 รายการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
โดยสินค้ากาก DDGS หรือกากเหลือจากทำเอทานอล ข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ให้สามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับการนำเข้าทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ และเหล็ก 3 รายการ ประกอบด้วยเหล็กเส้น ต้องแจ้งข้อมูลปริมาณการนำเข้า ปริมาณการผลิต ปริมาณการจำหน่าย ปริมาณคงเหลือ เป็นประจำทุกเดือน เหล็กเคลือบดีบุก และเหล็กโครเมียม ปรับมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้องกับมาตรฐานใหม่ของ มอก. ส่วนลิขสิทธิ์เพลง เจ้าของสิทธิ์ต้องแสดงรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งหมด 8 รายการ เพื่อคุ้มครองเจ้าของลิขสิทธิ์และเพื่อคุ้มครองผู้ที่จะมาซื้อลิขสิทธิ์หรือใช้บริการลิขสิทธิ์ เช่น ชื่อผู้แต่งเนื้อร้องและทำนอง และวันสิ้นสุดสัญญาอนุญาตให้จัดเก็บค่าตอบแทน เป็นต้น
นอกจากนี้ การแสดงราคารับซื้อสินค้าทางการเกษตร ได้กำหนด 3 มาตรการใหม่ คือ ผักและผลไม้ 5 รายการ ประกอบด้วยมะเขือเทศ พริก ฟักทอง กะหล่ำปลี และผักและผลไม้อื่น ๆ ต้องปิดป้ายแสดงราคารับซื้อ เพื่อให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น , ผลไม้ 9 ชนิด ประกอบด้วย เงาะ มะม่วง ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย ลิ้นจี่ ส้มและสับปะรด นอกจากปิดป้ายแสดงราคารับซื้อแล้ว ต้องปิดป้ายเวลา 08.00 น. ตอนเช้า เพื่อให้เกษตรกรทราบว่าวันนี้ราคาเท่าไร จะเก็บเกี่ยวผลผลิตไปขายหรือไม่ จะได้มีทางเลือก และพืชผลการเกษตร 4 ชนิด ประกอบด้วย ข้าวเปลือก ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน (ผลปาล์มสด) และมันสำปะหลัง ห้ามคิดค่าชั่งน้ำหนักแล้วนำไปหักออกจากราคารับซื้อ
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมการ เพื่อพิจารณาเรื่องแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี หรือแพลตฟอร์มให้บริการจำหน่ายอาหารผ่านระบบเดลิเวอรี โดยให้พิจารณาเรื่องค่า GP ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายอื่น เพื่อให้แพลตฟอร์มอยู่ได้ ร้านอาหาร และผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมยิ่งขึ้น หาจุดสมดุลของทั้ง 3 ฝ่ายต่อไป โดยมอบหมายให้อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธานอนุกรรมการและมีคณะกรรมการที่ประกอบด้วยทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการในเรื่องนี้