เป็นเวลาปีนึงเต็มๆ เมื่อนับจากซิงเกิลที่ 3 มาสู่เพลงใหม่ล่าสุด "แฟนที่ไม่รู้ใจ" ของ "เดซี่ เดซี่" (Daisy Daisy) วงไอดอลสาว กับความเปลี่ยนแปลงทั้งภาพลักษณ์ และสไตล์เพลงที่ดูน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้ "ผู้จัดการออนไลน์" ได้มีโอกาสพูดคุยตัวแทนสมาชิกกับ “หนิงหนิง-มาริกา แพร่เกียรติเจริญ” เซ็นเตอร์ของเพลง , “เกรซ-ณัฐพร อนุรัตน์บดี” และ “วาวา-ศศิกานต์ เกื้อกูลศรี” แม้ว่านี่จะเป็นวงที่ 2 ที่ได้สังกัดเมื่อปี 2562 แต่ผ่านมาเกือบ 2 ปีพวกเธอกลับบอกมันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น
"วงเดซี่ เดซี่ ก็เป็นชื่อเดียวกับดอกไม้ก็คือดอกเดซี่ เหมือนกับว่าเราก็เป็นดอกไม้น่ารักๆ ตอนแรกเราเปิดตัวมาด้วยชุดสีขาวสดใส ซึ่งจริงๆ แล้วดอกเดซี่ไม่ได้มีแค่สีขาวอย่างเดียว ก็มีสีอื่นด้วย เหมือนเราก็พอมีซิงเกิลใหม่ก็เริ่มจะแต่งแต้มสีสันให้กับชุด แล้วก็แนวเพลงของเราก็เป็นแนวเอเชียนป็อป เป็นเพลงที่ฟังง่ายๆ สบายๆ ฟังแล้วก็เหมือนกับเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้ อารมณ์อย่างนี้อยู่ในสวนดอกเดซี่ ใครเข้ามาก็จะมีความสุขที่จะได้รับชม" เกรซ ณัฐพร เล่าถึงที่มาของชื่อวง
จุดเริ่มของวง Daisy Daisy
หนิงหนิง มาริกา : พวกเราก็เคยอยู่วงไอดอล "เซเว่น เซ้นส์" (7th sense) หลังจากที่วงนั้นได้ปิดตัวลงไป เราก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งนึง โดยทางผู้ใหญ่ ("ตัวโน้ต-สถาพร กิตติสุขสันต์" ประธานบริษัท เมอร์รี่ โก ซาวด์ จำกัด และ "พิม-พิมพ์พร ขยันเขียน" ผู้จัดการวง) ก็ได้มาคุยว่าอยากทำตรงนี้ต่อมั้ย ถ้าอยากทำต่อเขาจะเปิดวงนี้ แล้วก็มาคุยรายละเอียดกัน ตอนแรกก็มี "เกรซ" , "นายน์" (วิมพ์วิภา อิ่มประสิทธิชัย) , "แฮมมี่" (บุณยานุช ศศิธนานันท์) และ "เจเจ" (ชญาดา สุขกสิ อดีตสมาชิก) ก่อน
"จริงๆ แล้ว "หนิง" ก็ตัดสินใจนานมากเลยว่าจะเข้าดีมั้ย เพราะว่าตอนนั้นก็ติดอีกที่นึงอยู่ด้วย วงนั้นก็จะดูเป็นเกิร์ลกรุ๊ปนิดนึง วงนี้ก็เป็นไอดอล ก็คิดอยู่ช่วงนึงว่าเราอยากจะทำไอดอลต่อดีมั้ย หรือว่าเราจะไปทางเกิร์ลกรุ๊ปเลยแล้วก็ได้ตัดสินใจคุยกับ "เดียร์" (อุทุมพร นรารติกุล อดีตสมาชิก) 2 คนว่าแบบเอายังไงดี "เดียร์" ก็บอกยังอยากทำอยู่ ก็เลยโอเคงั้นเราก็เข้ามาพร้อมๆ กับเพื่อนๆ ทั้งหมดก็เป็น 6 คน แล้วหลังจากนั้น "วาวา" ก็ได้ตามมา"
วาวา ศศิกานต์ : สำหรับวาก็จะเป็นช่วงเวลาใกล้ๆ กับหนิง คือพอวงนั้นปิดไป เราก็ไปสับสนว่าเราจะเป็นเกิร์ลกรุ๊ปหรือว่าไอดอลต่อ วาก็อยู่กับหนิงสักพักนึงแล้วก็กำลังจะเรียนจบแล้วด้วย ก็เลยวุ่นวายทั้งเรื่องเกิร์ลกรุ๊ปนั้นและจะเรียนจบ ก็เลยเลือกที่จะพักแล้วเอาเรื่องการเรียนก่อน แล้วสุดท้ายพอทำเรื่องอะไรเรียบร้อยแล้ว ทางนี้ (Daisy Daisy) เปิดตัวพอดี 6 คน แล้วก็รับคัดเลือกสมาชิกใหม่ วาก็เลยมาออดิชั่น จนเป็น Daisy Daisy ชุดที่ 2
"แฟนที่ไม่รู้ใจ" ซิงเกิลใหม่ในรอบ 1 ปี
หนิงหนิง มาริกา: ทำไมถึงนาน หนิงคิดว่าด้วยสถานการณ์ต่างๆ ช่วงนี้ก็มีโควิด-19 ด้วยใช่ไหม จริงๆ แพลนที่จะปล่อยเพลงใหม่มันมีมาตั้งนานแล้ว เราก็ได้รู้จักชื่อเพลง รู้อะไรอย่างนี้มานานแล้ว แต่ว่าเหมือนเราไม่มีโอกาสได้เปิดตัวด้วย แล้วก็มีการแข่งรายการโลดิ เอ็กซ์ เน็กซ์ ไอดอล (ทางสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลเวิร์ก พอยท์) ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่เริ่มจะแข่งรอบแรกแล้วเราก็ซ้อมเพลงเพลงนี้อยู่ด้วย แล้วเราก็รู้สึกว่าเราอยากทำโชว์ของโลดิ เอ็กซ์ ให้เต็มที่ก่อน เราก็เลยพักกับเพลงใหม่ไปก่อน มันก็เลยเหมือนกับมีหลายอย่างที่ยืดระยะเวลาออกไป
"แฟนที่ไม่รู้ใจ" ต่างจากเพลงอื่นอย่างไร
หนิงหนิง มาริกา: ต่างยังไง ก็น่าจะมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดูเป็นสาวมากขึ้น เพลงตึกตัก (ซิงเกิลที่ 2) ก็คือแอบชอบ อยากมีแฟน ตอนนี้คือมีแล้ว (หัวเราะ) เพลงนี้คือมีแล้ว แล้วแฟนก็ไม่รู้ใจด้วย เหมือนเพลงก็ค่อนข้างที่จะดูเป็นแบบเพลงที่สามารถที่ฟังได้ทั่วไปมากขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น
ซิงเกิลแรกที่ได้ร่วมงานกับ "เอฟู-ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์" แห่งทีมเดโม แลบ
เกรซ ณัฐพร : พี่เอฟู ก็เป็นโปรดิวเซอร์ที่มีชื่อเสียงมาก เชื่อว่าคนไทยต้องเคยฟังเพลงพี่เอฟู มาแล้วแน่ๆ เพราะเขาทำเพลงให้กับค่ายกามิกาเซ่ ทำเพลงรักติดไซเรน ก็เป็นคนที่เราฟังแล้วเราก็รู้สึกชอบมาตลอด เป็นเพลงที่ฟังง่าย ติดหู เป็นที่รู้จักมาก แล้วเราก็ได้มาทำเพลงกับเขาก็ดีใจมาก คือพี่เขาเป็นคนที่น่ารัก ตลก ตอนอัดเพลง (หัวเราะ) แล้วเป็นคนที่โหดเหมือนกันนะ เขาตะโกนตอนเราอัดเพลงแบบดังอีก (หัวเราะ) ของวามีท่อนบิด เขาก็จะให้ร้องเสียงเต็มแบบเสียงเปลี่ยนไปเลย หลายๆ คนถ้าได้ยินเสียง (ในเพลง) ก็คือเสียงที่ได้ยินจะดูแปลกหูไปเพราะว่าใช้เสียงเต็มกันทุกคนเลย ก็เป็นวิธีการของเขา ทำงานกับพี่เขาก็สนุกมากๆ เลย
เป็นเพลงที่ทำให้เรามีพัฒนาการมากขึ้น
เกรซ ณัฐพร : มากๆ เลย ได้ลองฝึกใช้เสียง คือเขาจะแบบไม่ออโต้จูน (ปรับเปลี่ยนเสียง) เขาจะทำจนกว่าจะได้จริงๆ
หนิงหนิง มาริกา : คือเขาอยากได้เหมือนเอกลักษณ์ของเสียงแต่ละคน เวลาเราอัดเพลงปกติเราอัดเพลงอื่นจะแบบทำให้เสียงเราสวยที่สุด แต่คืออันนี้เขาคือแบบไม่เอาเสียงสวย เอาเสียงจริงๆ ร้องมาเลยเต็มๆ หนิงก็แบบ โอเค ก็ต้องร้องเสียงที่เป็นเสียงเรา เขาก็เอ้ย ชอบๆ แบบนี้แหละชอบ
วาวา ศศิกานต์ : จริงๆ ดีนะ ทำให้เห็นว่าเรามีโทนเสียงแบบนี้ด้วย แล้วก็เพื่อนๆ บางคนยังไม่เคยได้ยินว่าร้องจริงๆ แล้วเพื่อนเสียงแบบนี้
หนิงหนิง มาริกา : อย่าง "กุ๊กกิ๊ก" (นิธิกาญจน์ สุวรรณน้อย) ตอนที่อยู่ในห้องอัดก็แบบใครร้องอยู่เสียงใคร
วาวา ศศิกานต์ : ออกมาฟังเพลงจริงๆ โห นี่เสียง "กุ๊กกิ๊ก" เหรอ บางทีก็โห นี่เสียงเราเหรอ เหมือนกัน
เหมือนว่า "แฟนที่ไม่รู้ใจ" มีความยากกว่าซิงเกิลที่ผ่านมา
วาวา ศศิกานต์ : อืม...สำหรับวา วาว่าอยากขึ้น ในทุกๆ อย่าง แบบการเต้นก็มีใส่รายละเอียดมากขึ้น แล้วก็เต้นแรงมากขึ้น รองเท้าก็สูง 4 นิ้ว (หัวเราะ) คือฝึกซ้อมกันหนักมากขึ้น แล้วก็ในส่วนของการร้องก็มีการแบบช่วงเดี่ยวทุกคนมาหมดเลย ทุกคนก็ต้องแบบรับผิดชอบในส่วนตัวเองมากขึ้น จากปกติบางคนที่แบบ เอ๊ย เพลงนี้ไม่ได้ยินเสียงชั้นหรอก ไม่ร้องบ้าง ร้องไม่เต็มที่บ้าง เพลงนี้ทุกคนก็ต้องรับผิดชอบในส่วนของตัวเอง
รวมถึงท่าเต้นด้วย
หนิงหนิง มาริกา : รายละเอียดของท่าก็คือเยอะขึ้น ปกติเรา สมมติว่าเต้นเพลง "ตึกตัก" , "เดซี่ เดซี่" (ซิงเกิลแรก) มันก็จะเป็นคำละท่า แต่ว่าเพลงนี้บางทีคำนึง 3 ท่า แบบว่า ใจไอไอไอ คือมันรายละเอียดจะเยอะขึ้น เราก็ต้องเก็บท่า เก็บรายละเอียดกันแบบเยอะขึ้นมากๆ เลย กว่าที่จะแบบเต้นพร้อมกันก็คือ นานมาก (หัวเราะ)
วาวา ศศิกานต์ : สาเหตุที่หายไปปีนึง
หนิงหนิง มาริกา : ก็คือเก็บท่าอยู่ (หัวเราะ) ล้อเล่น
ชุดก็ดูแตกต่างจากเดิม
หนิงหนิง มาริกา : เราเลือกสีชุดให้เข้ากับเพลงด้วย ในเพลงก็จะเป็นแบบว่าซุกซน แล้วก็แบบเสื้อของแต่ละคนเราก็ออกแบบกันเองด้วย เราได้แบบมีส่วนร่วมในการออกแบบครึ่งบน ส่วนครึ่งล่างจะเหมือนกันหมด (หัวเราะ)
วาวา ศศิกานต์ : มีนิดนึง จะมีบางคนที่เป็นลายดาว
หนิงหนิง มาริกา : หนิงออกแบบให้ โทรคุยกับช่างว่าของหนิงอยากได้เป็นเกาะอกข้างใน แล้วก็เป็นเสื้อคลุมข้างนอก ตอนแรกก็แบบเอ๊ะจะเอาเสื้อคลุมมาติดกันดีมั้ย หรือว่าจะเอาเปิดดี ข้างในเป็นสายเดี่ยว เกาะอก สุดท้ายก็ได้แบบนี้มา เพื่อนคนอื่นก็เหมือนกันคุยกับช่าง
การถ่ายทำมิวสิควิดีโอ "แฟนที่ไม่รู้ใจ"
เกรซ ณัฐพร : ไม่ได้ถ่าย เป็นคนแสดง (หัวเราะ) ล้อเล่น ก็ถ่ายไม่ยาก ง่ายกว่า MV ตึกตักอีก เพราะถ้า MV ตึกตัก จะต้องมีเนื้อเรื่อง มีพระเอก คืออันนี้ก็มีเนื้อเรื่องแต่ว่าจะเน้นไปที่การเต้น ภาพรวมสวยๆ ฉายเดี่ยวแต่ละคนอย่างนี้มากกว่า
หนิงหนิง มาริกา : ซีนนึงคนนึงแป้บเดียวเอง
เกรซ ณัฐพร : แต่ละคนก็มีการจัดท่าที่จะดูเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เรื่องฉากในเรื่องเขาก็ทำให้แต่ละคนมีภาพลักษณ์ที่แตกต่างกัน คนถ่าย MV เป็นชาวเกาหลีใต้ มันอาจจะดูเหมือนจะยากที่เราต้องสื่อสารกับคนเกาหลีแต่จริงๆ คือไม่ยากเท่าไหร่ เพราะว่าเขามีล่ามให้ แล้วคนเกาหลีน่ารักมาก ชมเเป็นภาษาเกาหลี คือสนุกมา ทีมงานน่ารักมาก
หนิงหนิง มาริกา : ใน MV ก็มี 3 ชุด คือชุดนี้ (สีแดง) เป็นชุดคอนเซปท์ ชุดสีดำที่ดูโตกว่านี้ขึ้นมาอีก 1 ขั้น มีความเปรี้ยวขึ้นมานิดนึง แล้วก็ชุดฟรีสไตล์ของแต่ละกลุ่มก็จะแตกต่างกันออกไป
"หนิงหนิง" กับการเป็นเซ็นเตอร์เพลงครั้งแรก
หนิงหนิง มาริกา : จริงๆ คิดว่าจะกดดันแต่ก็ไม่ได้กดดันขนาดนั้นไม่ได้กดดันเท่าที่คิดไว้ แต่ว่ามันเป็นความคาดหวังมากกว่า ที่เราแบบว่า เหมือนแฟนคลับเราก็จะคาดหวังกับเพลงนี้แบบมากๆ มากขึ้นไปอีก แต่ว่าจริงๆ แล้วหนิงรู้สึกว่า หนิงก็ปฏิบัติตัวเหมือนเดิมทุกอย่างเลยไม่ว่าจะอยู่ในเพลงไหน หนิงก็ทำหน้าที่ทุกอย่างเท่าเดิม เหมือนกัน เพลงที่ไม่ใช่ตัวเองเป็นเซ็นเตอร์ หนิงก็เต็มที่อยู่แล้ว เพลงนี้หนิงก็รู้สึกว่าเออหนิงก็เต็มที่ในส่วนที่หนิงจะทำได้ แฟนคลับก็เหมือนจะคอยสนับสนุนนะ จะคอยเชียร์นะ
"ก็คือจริงๆ หนิงคิดว่าเพลงนี้มันเป็นเพลงของเราทุกคนเหมือนเดิม มันไม่ใช่ว่าเป็นเพลงของหนิงแล้วแฟนคลับหนิงคนเดียวจะต้องสนับสนุนอะไรอย่างนี้ จริงๆ มันก็เป็นเพลงของวง แฟนคลับทุกคนก็สามารถสนับสนุนได้"
เคยคิดอยากเป็นเซ็นเตอร์มาก่อนมั้ย
หนิงหนิง มาริกา : อ๋อ คิด (หัวเราะ) ก็คิดว่าสักวันเราก็ต้องได้เป็นบ้างแหละ ต้องมีเพลงสักเพลงที่เหมาะสมกับเรา ก็จริงๆ ไม่คิดว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้เหมือนกัน ก็อยากเป็นเซ็นเตอร์ตอนที่ตัวเองรู้สึกว่าเก่งกว่านี้เหมือนกัน ถ้ามีเพลงอีกหลายเพลงมาคั่นได้ก็อยากให้มีแต่ว่า ปล่อยเพลงนี้ออกไปก็เหมือนว่าอยากให้เราเปลี่ยนลุคด้วย ก็เลยโอเค ตอนนี้ก็ได้
ความคาดหวังกับ "แฟนที่ไม่รู้ใจ"
วาวา ศศิกานต์ : พวกเราก็ตั้งใจกันมากๆ ในทุกๆ เพลงจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้เพลงนี้ เราก็เพลงที่ 4 แล้ว อยากให้ทุกคนสนับสนุนกันมากๆ ขึ้น อยากให้เพลงเป็นที่รู้จักมากกว่านี้
เกรซ ณัฐพร : อยากให้มีคนรู้จักเพลง รู้จักวงของเรามากขึ้น เพราะซิงเกิลนี้คือด้วยช่วงนี้ตลาดไอดอลดูขยายมากขึ้นมากๆ มีรายการต่างๆ มีวงเกิดขึ้นมาเยอะแยะมากเลย ก็คือรู้สึกว่ามันน่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ อีก ก็เลยรู้สึกว่าเฮ้ย เรามีโอกาสโตขึ้นได้อีก แล้วก็เพลงนี้ก็เหมือนทำแนวเพลงให้เจาะไม่ใช่เฉพาะกลุ่มฟังเพลงไอดอล เพลงนี้ก็คือเจาะตลาดคนทั่วไปเลย ฟังได้ทุกเพศทุกวัย อาจจะลงติ๊กต๊อก มีคนเต้นตามดัง เราก็อยากให้เป็นอย่างนั้น
"อยากให้มีคนฟังเพลง ร้องเพลงเราก็ดีใจมากๆ แล้ว"
สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากเข้ามาเป็นสมาชิก Daisy Daisy
เกรซ ณัฐพร : อย่างเรื่องทัศนคติก็เปลี่ยนไปนะ อย่างตอนแรกเราก็คิดว่าเฮ้ย อย่างนี้น่ารักๆ เดซี่ๆๆ ก็เราคิดว่าเท่านั้นก็โอเคแล้ว แต่เราก็ผ่านการขึ้นเวทีเรื่อยๆ ผ่านการแข่งขันต่างๆ เราได้เห็นภาพตัวเองแล้วเราก็เห็นวงอื่นๆ หลายวงมากเราก็รู้สึกว่า เฮ้ยจริงๆ แล้ว มันยังมีอีกเยอะมากที่เราต้องพัฒนา รู้สึกว่ามันดูแบบมีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก เราต้องฝึกร้อง ฝึกเต้น ฝึกการแสดงออกหลายอย่างเพื่อที่จะสามารถทำภาพที่ดีออกมาให้วงได้
หนิงหนิง มาริกา : ปีนึงที่ผ่านมา เราทำอะไรกันมาเยอะมาก ไปแสดงที่ต่างจังหวัด ต่างประเทศก็มี ได้ลองทำอะไรหลายอย่างมากขึ้น แล้วก็อย่างที่่เราไปแข่งในรายการโลดิเอ็กซ์ เราได้เต้นเพลงลูกทุ่ง แล้วหลายคนก็พบว่าจริงๆ เราชอบเพลงลูกทุ่งนะ แฟนคลับก็บอกเฮ้ยชอบเพลงแนวนี้เหมือนกัน อยากให้ลองทำแนวนี้ดู เราก็รู้สึกว่าได้ลองอะไรใหม่ๆ หลายอย่างมากที่เราไม่เคยคิดว่าแฟนคลับเราจะตอบรับยังไง ก็เลยอยากลองทำอะไรเยอะๆ หลายๆ แนว มากๆ ขึ้นไปอีกยิ่งกว่านี้
วาวา ศศิกานต์ : ถ้าตั้งแต่แรกที่เข้ามาเลย คือ เนื่องจากที่เป็นไอดอลมาก่อน ตอนแรกก็จะรู้สึกว่า เราก็เป็นมาอยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องปรับอะไรมากแต่พอเข้ามาจริงๆ รู้สึกว่ามันต่างมากเลย แนววง หรือว่าสมาชิกก็เป็นแบบอาจจะมีคนเดิม (จาก 7th sense) แต่ก็มีคนใหม่ด้วย คือทุกอย่างมันก็ใหม่อยู่ดี แล้วก็แต่ก่อนพออยู่วงก่อนพวกเราก็มีคนเยอะมากๆ แต่พออยู่วงนี้ วาก็เหมือนต้องเอาตัวเองออกมามากขึ้นเพราะว่าจำนวนสมาชิกมีน้อยลง และพื้นที่ในการที่เราจะต้องออกมามันก็มีมากขึ้น
"อย่างแต่ก่อนวาจะไม่ค่อยชอบพูด จะโยนไมค์ เรื่องร้องจะไม่ค่อยมั่นใจด้วย คือแบบสมมติว่า อะอันนี้ใครมั่นใจ วาก็จะแบบดันๆ เพื่อนออกไปอะไรอย่างนี้ พออยู่วงนี้รู้สึกว่า โอเคชั้นต้องเป็นผู้นำบ้างได้แล้ว เพราะว่าชั้นก็ถือว่าเป็นคนที่มีประสบการณ์มากกว่าคนที่เข้ามาใหม่ ก็เลยทำให้เราพัฒนาตัวเองมามากขึ้น และก็อย่างที่เพื่อนๆ บอกว่าเราผ่านรายการผ่านการไปโชว์ เยอะแยะมากมาย วาก็เลยรู้สึกว่าเรายังมีที่ต้องพัฒนาอีกเยอะอยู่ ก็จะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ"
มีใครเคยแอบถอดใจมั้ย
วาวา ศศิกานต์ : เอาตรงๆ ทุกคนมันก็น่าจะมีบ้าง เพราะว่า อย่างบางคนก็มีเรียนด้วย มีอะไรด้วย อย่างวารู้สึกว่า วาจบแล้ว แล้วบางทีเอ๊ะเส้นทางนี้มันจะเหมาะกับเรามั้ย หรือว่าเราควรจะออกไปทำอย่างอื่นบ้างมั้ย เพราะว่าด้วยอายุด้วยอะไรด้วยมันก็แบบบางทีมันก็มีข้อจำกัดของมัน แต่ว่าสุดท้ายแล้วก็คิดว่า ตรงเนี่ยเรายังทำได้ไม่สุดกับที่เราตั้งใจไว้เลย ลองทำให้มันสุดก่อนแล้วผลจะเป็นยังไงตอนนั้นค่อยคิดอีกที
เกรซ ณัฐพร : เห็นวาบอกว่าก็คงทุกคนแหละ เหอะ (ทำหน้าปฏิเสธ) เพราะว่าอย่างถ้าพูดถึงเรื่องเรียนถ้าสมมติว่ามันหนักมากจริงๆ ถามว่าจริงๆ เกรซยังไง เกรซอยากเรียนแนวการแสดง การเต้นอย่างนี้ ร้องเพลงอยู่แล้ว คือถ้าให้ดรอปเรียนเกรซก็โอเค คือเกรซชอบงานเนวนี้ ก็เลยรู้สึกว่าเอออยู่ตรงนี้มันสนุก อาจจะมีขี้เกียจบ้างนิดหน่อย แต่ว่าถามว่าถอดใจมั้ยก็ไม่ สนุกดี ชอบๆ
หนิงหนิง มาริกา : ถ้าถามว่าเคยมีถอดใจมั้ยก็แวบหลายแวบเหมือนกัน ที่รู้สึกว่าโห ทำไมชีวิตเรามันหนักขนาดนี้ คือมันมีเหตุการณ์หลายเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเราก็รู้สึกว่า เหมือนเราไม่สามารถไปพูดกับทุกคนได้ว่า โอ้ย เหนื่อย เราก็ได้แค่แบบ เหมือนคุยกันเองบ้าง คุยกับพ่อแม่บ้าง เหมือนเราได้ระบายมันก็รู้สึกว่ามันดีขึ้น ถามว่าเคยถอดใจมั้ยจริงๆ จังๆ นี่ก็รู้สึกว่า หลายครั้งที่รู้สึกว่าเอ๊ะ เรามาถึงทางที่มันสุดแล้วหรือยังสำหรับเราแบบ บางทีอย่างที่วาบอกด้วย เรื่องอายุของเราด้วย
"คือบางทีก็นั่งคิดว่า เวลาเจอคำถามที่ว่า มองอนาคตตัวเองอีกข้างหน้า 5 ปีเป็นยังไงคือ หนิงก็มานั่งคิดว่าแบบ เอออีก 5 ปีหนิงจะทำอะไร เออหนิงคิดไม่ออกจริงๆ มันก็เลยกลายเป็นแบบ หรือว่าเราควรออกไปทำอะไรจริงจังได้แล้วอะไรอย่างนี้ บางครั้งก็คิดว่าเอ๊ะหรือเราจะควรหางานทำไปด้วย อยู่ในวงไปด้วยดี แต่หนิงก็รู้สึกว่ามันไม่สามารถทำทั้ง 2 อย่างได้อย่างเต็มที่ คือมันคิดหลายแวบมากๆ ว่าเอ๊ะเราจะเอายังไงดี บ่อยมากจริงๆ แต่สุดท้ายเราก็ต้องเลือกว่าแบบ ถ้ายังอยากอยู่ตรงนี้ต่อก็คือเราต้องสุดกับตรงนี้แล้วจริงๆ เอาให้เรารู้สึกว่า เราไปกับทางนี้ไม่ได้แล้ว เราแบบตันแล้ว เราถึงจะรู้สึกว่า วันนั้นเราคือ เราต้องแบบ ไปใช้ชีวิตทางใหม่ได้แล้ว"
ณ วันนี้คิดว่า Daisy Daisy ก้าวไปถึงจุดที่เราอยากให้เป็นหรือยัง
หนิงหนิง มาริกา : ยัง คือตอนนี้สำหรับตัวหนิง มันเพิ่งเริ่มมาได้นิดเดียว หลังจากที่เราเริ่มมาจากวงเก่าที่มีคนตามมาก่อนหน้านั้นแล้วก็จริง แต่ว่ามันก็ไม่ใช่จำนวนที่เยอะมากมายขนาดนั้น คือเราก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่อยู่ดี แล้วก็เหมือนตอนนี้พอเราไปแข่งมาปุ๊บ เราก็เริ่มมีคนรู้จักเรามากยิ่งขึ้น อย่างเพลงที่ปล่อยออกไป ล่าสุดก็คือมีหลายคนมาแสดงความเห็นว่า เพิ่งมาติดตามวง ชอบมากเลย มันทำให้หนิงรู้สึกดีใจมาก หรือบางทีเราเจอปฏิกิริยาตอบกลับจากการแข่ง จาก MV เรารู้สึกแบบ โห มีคนสนใจในวงเรามากขนาดนี้แล้วเหรอ แล้วยิ่งมีความรู้สึกว่าเราอยากให้มันไปไกลยิ่งกว่านี้อีก
"คือถ้าหนิงมองตอนนี้มันเพิ่งแบบ เพิ่งเริ่มจริงๆ มันยังไม่ถึงจุดที่เราวางเอาไว้เลย คือแบบอยากไปไกลกว่านี้มากๆ ในเส้นทางบันเทิงต่างๆ ไม่ใช่เราอยากร้องเต้น อย่างเดียวบนเวที เราอยากที่จะแบบว่า ลองทำอะไรอีกหลายๆ อย่างเลย อาจจะด้านแสดง ด้านโน้นนี่นั่น อะไรอย่างนี้แล้วก็ถ้าเกิดว่าการแสดงบนเวทีอย่างนี้เราก็อยากเป็นวงที่ทำให้ทุกคนได้จดจำว่าแบบว่า เอ้ย Daisy เป็นวงที่การแสดงดีนะ สวยด้วย (หัวเราะ) พลาดไม่ได้เลย ต้องติดตาม อยากเป็นวงที่คนอื่นบอกต่อ อยากแนะนำว่าเออ ต้องรู้จัก ต้องดูนะ คือแบบอยากให้คนอื่นยอมรับ"
วาวา ศศิกานต์ : จริงๆ ก็คล้ายๆ หนิง รู้สึกว่า พอทุกครั้งที่ได้เริ่มทำอะไรใหม่ๆ ก็รู้สึกว่าเราเพิ่งเริ่มต้นเอง เรายังมีสิ่งที่ให้เรียนรู้อีกเยอะเลย อย่างพอมีโอกาสได้เข้าร่วมรายการก็รู้สึกว่า เฮ้ย อันนี้เราควรทำให้ดีกว่านี้ ก็จะรู้สึกว่า ถ้ามีโอกาสได้ร่วมรายการอีกก็อยากจะพัฒนาความสามารถตัวเอง หรือ สมมติเราจะมีเพลงแนวใหม่ก็รู้สึก เฮ้ย ชั้นอยากจะทำแนวใหม่ให้ดีๆ คือวารู้สึกว่า จุดพัฒนาของเรามันยังไม่สิ้นสุด มันยังไปได้อีกเยอะมาก จนเรารู้สึกว่าเราไปได้ไกลกว่านี้อีกมากๆ
เกรซ ณัฐพร : ก็เหมือนกันแหละ ก็คือยังไม่ถึง ยังเริ่มต้นอยู่เลย ก็ ถามว่าถ้าภาพในฝันเป็นยังไงก็คงคนรู้จักเพลงเรา แบบอยากดังให้เหมือน ลิปตา บีเอ็นเคโฟร์ตี้เอจ ให้คนรู้จัก พูดถึง มีโอกาสได้เป็นพรีเซนเตอร์ต่างๆ ได้ไปขึ้นแสดงในงานคอนเสิร์ตอย่างเงี้ย จะรู้สึกว่าภูมิใจ แต่ว่าตอนนี้ก็ได้ขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็อยากขึ้นแบบว่าเดือนนึงมีตารางอย่างนี้ๆ เราคงจะดีใจมากๆ
"แล้วก็ เมื่อก่อนก็อาจจะคิดว่าเฮ้ยเราทำการแสดงแบบนี้ โอเคแล้วแต่ว่าพอเดี๋ยวนี้เราเริ่มโตขึ้น เรากลับไปดูคลิปเก่าๆ แล้วก็รู้สึกว่า แบบ เฮ้ยทำไมมันไม่พร้อมกันเลย เราทำอะไรลงไป แล้วมันไม่ใช่ว่าตอนนี้ดีแล้วนะ ตอนนี้ก็ยังไม่ดีพอ สำหรับตัวเองรู้สึกว่ายังไม่ดีพอเท่าไหร่ ก็เลยรู้สึกว่ายังมีอีกเยอะที่ต้องทำเพื่อที่เราจะได้ไปถึงความฝันนั้นจริงๆ คือมันเพิ่งเริ่มต้น"
เรื่อง , ภาพ , วิดีโอ : ดรงค์ ฤทธิปัญญา