xs
xsm
sm
md
lg

“วราวุธ” ส่งมอบโครงการแนวไม้ไผ่กันคลื่น กำชับ “ที่ปรึกษา รมว.ทส.” เร่งหารือ “กรมทะเล” แก้ปัญหากัดเซาะ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.ทส. ส่งมอบโครงการแนวไม้ไผ่กันคลื่น กำชับ “ที่ปรึกษา รมว.ทส.” เร่งหารือ “กรมทะเล” แก้ปัญหากัดเซาะ 3.19 กม. จ.เพชรบุรี

วันนี้ (3 มิ.ย.) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) กล่าวภายหลังการส่งมอบโครงการปักไม้ไผ่ชะลอคลื่น เพื่อการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่หาดโคลน บริเวณตำบลปากทะเลและตำบลบางแก้ว จังหวัดเพชรบุรี ว่า หลักการทำงานของตนในฐานะ รมว.ทส. คือ รักษาสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและรักษาประโยชน์อันจะเกิดแก่พี่น้องประชาชนส่วนรวม หากปัญหาใดเกิดผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือพี่น้องประชาชน ตนจะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกทันที ซึ่งปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อระบบนิเวศทางทะเลและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยที่ผ่านมาตนได้มีนโยบายในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ซึ่งในภาพรวมของประเทศยังคงเหลือพื้นที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอีกถึง 87 กิโลเมตร จากความยาวชายฝั่งทั้งสิ้น 3,151 กิโลเมตร ซึ่งเรื่องนี้ ตนได้หารือกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัด ทส. ในการกำกับหน่วยงานภายในกระทรวง และประสานหน่วยงานภายนอก รวมถึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการบูรณาการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และไม่ส่งผลกระทบข้างเคียงกับพื้นที่อื่น เป็นไปตามแนวทางและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

นายวราวุธ กล่าวอีกว่า สำหรับวันนี้ (3 มิ.ย.) ตนได้มาส่งมอบแนวปักไม้ไผ่ชะลอคลื่นที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี 2564 ระยะทางปักกว่า 4,310 เมตร ในพื้นที่ตำบลปากทะเล 2,770 เมตร และตำบลบางแก้ว 1,540 เมตร ให้กับจังหวัดเพชรบุรี ได้ดูแลร่วมกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประโยชน์จากแนวปักไม้ไผ่ดังกล่าว นอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งในพื้นที่หาดโคลนแล้ว ยังมีส่วนช่วยเร่งการตกตะกอนและเพิ่มพื้นที่หาดเลนหลังแนวไม้ไผ่ อันจะส่งผลให้พื้นที่ป่าชายเลนเพิ่มขึ้นอีกด้วย

“ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเกิดได้ทั้งจากธรรมชาติและกิจกรรมมนุษย์ การแก้ไขปัญหาไม่ใช่การทำอย่างฝืนธรรมชาติ แต่ต้องกลมกลืนกับธรรมชาติและแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน การปักแนวไม้ไผ่ชะลอคลื่น คือ การใช้วัสดุธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ ซึ่งง่ายต่อการจัดการและดูแล รักษาสมดุลธรรมชาติและยังประโยชน์แก่ประชาชนได้อย่างยั่งยืน ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี และท่านรองนายกฯ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ท่านกำกับดูแลแก้ไขปัญนี้อย่างใกล้ชิด” นายวราวุธ กล่าว

ด้าน ดร.ยุทธพล อังกินันทน์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. กล่าวเสริมว่า ตนในฐานะลูกหลานชาวเพชรบุรี ที่มองเห็นการเปลี่ยนแปลงและเข้าใจปัญหาในพื้นที่เป็นอย่างดี จังหวัดเพชรบุรี นอกจากความโดดเด่นเรื่องประเพณีและอาหารที่สร้างชื่อแล้ว จังหวัดเพชรบุรี ยังมีชายหาดที่มีชื่อเสียงระดับโลก ได้แก่ ชายหาดชะอำ ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นอย่างมาก และยังมีชายหาดสำคัญๆ อีกหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องการกัดเซาะชายฝั่งก็ยังคงส่งผลกระทบต่อความสวยงามและระบบนิเวศที่เปลี่ยนไป ซึ่งจากรายงานสถานภาพการกัดเซาะชายฝั่ง

“ในปัจจุบันพบว่าพื้นที่ชายฝั่งที่ประสบปัญหาในจังหวัดเพชรบุรี ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอีกราว 7.69 กิโลเมตร บริเวณบ้านแหลม ปากทะเล และบางแก้ว ซึ่งมีลักษณะเป็นหาดโคลน ระยะทางประมาณ 4.50 กิโลเมตร จะดำเนินการแก้ไขเสร็จภายในปี 2564 นี้และบริเวณที่เป็นหาดทรายในพื้นที่บ้านหนองขนาน ปึกเตียน บางเก่า และชะอำ ระยะทางอีกกว่า 3.19 กิโลเมตร”

ดร.ยุทธพล เผยว่า ตนจะได้หารือกับ นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่โดยเร็วและยั่งยืน ไม่ก่อผลกระทบข้างเคียงให้กับพื้นที่อื่น เพื่อรักษาระบบนิเวศชายฝั่งและป้องกันผลกระทบที่จะเกิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ทุกโครงการและมาตรการต่างๆ จะต้องผ่านความเห็นชอบของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ก่อน การแก้ไขปัญหาจะเกิดจากความคิดและความร่วมมือของพี่น้องชาวจังหวัดเพชรบุรีเป็นสำคัญ








กำลังโหลดความคิดเห็น