ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชะงัก! โครงการถมทรายชายหาดจอมเทียนเฟสแรก หลังสะดุดปัญหาขออนุญาตนำเรือดูดทรายสัญชาติจีนเข้าใช้งานที่ต้องผ่านพิจารณาจากกรมเจ้าท่า ด้าน ผอ.เจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา มั่นใจแม้เริ่มช้าแต่ มิ.ย.นี้น่าจะเดินหน้าได้
จากกผลการศึกษาปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะพื้นที่ชายหาดที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรงบริเวณชายหาดเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ของสถาบันวิจัยทางน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ระบุว่า หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจทำให้พื้นที่ชายหาดเมืองพัทยาแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศมีอันต้องขาดหายไปในระยะเวลา 10-15 ปีข้างหน้า
จนทำให้กรมเจ้าท่า ต้องอนุมัติงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท ดำเนินโครงการเสริมทรายชายหาดพัทยาเพื่อขยายพื้นที่ให้มีความกว้างถึง 35 เมตร ตลอดแนวความยาวของชายหาดที่มีระยะทางกว่า 2.8 กิโลเมตร ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จพร้อมส่งมอบให้เมืองพัทยา ตั้งแต่ต้นปี 2562 ยังส่งผลให้ชายหาดเมืองพัทยา ได้กลับมามีสภาพสวยงามอีกครั้งนั้น
ขณะเดียวกัน กรมเจ้าท่ายังมีแผนจัดทำโครงการเสริมทรายชายหาดบริเวณอ่าวนาจอมเทียน เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบูรณะชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก และได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 995 ล้านบาท ในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งเมืองพัทยา และเทศบาลนาจอมเทียน
ด้วยโครงการถมทรายชายหาดจอมเทียน ตั้งแต่หน้าโรงแรมพัทยาปาร์ค ไปจนถึงปากคลองนาจอมเทียน รวมระยะทางกว่า 7 กิโลเมตร ในรูปแบบการเสริมทรายขยายชายหาดเพิ่มเป็น 35 เมตร และจะมีการก่อสร้างหัวหาด 1 จุด และเขื่อนกันคลื่นอีกจำนวน 3 จุดนั้น
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโครงการที่กำหนดไว้ยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด โดยเฉพาะแผนดำเนินงานในเฟสแรกที่จะต้องเสริมทรายในระยะทางประมาณ 3.5 กิโลเมตร ตั้งแต่ริมทะเลหน้าร้านลุงไสว จนถึงถนนเลียบชายหาดจอมเทียนซอย 11 ภายใต้งบประมาณกว่า 580 ล้านบาท ที่จะเริ่มถมทรายช่วงละ 400 เมตร ที่ในวันนี้ยังเป็นเพียงการปิดกั้นพื้นที่ไว้เท่านั้น
และจากการสอบถามข้อมูลไปยัง นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาพัทยา ทราบว่า การดำเนินงานยังคงติดปัญหาเรื่องการขออนุญาตนำเรือดูดทรายซึ่งเป็นเรือสัญชาติจีนเข้ามาใช้งานและจะต้องได้รับการพิจารณาอนุญาตจากกรมเจ้าท่าก่อน
โดยทรายซึ่งจะนำมาใช้ในการถมทรายชายหาดยังคงเป็นทรายจากแหล่งเดิมที่เคยนำมาใช้ในการเสริมชายหาดพัทยาคือ บริเวณใต้ทะเลใกล้เกาะรางเกวียน ซึ่งมีปริมาณทรายเพียงพอในการเสริมทรายและสต๊อกทราย ซึ่งจากการคำนวณคาดว่าจะใช้ปริมาณทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 680,000 ลบ.ม.
อย่างไรก็ดี นายเอกราช คาดการณ์ว่า แม้ขณะนี้จะติดปัญหาในเรื่องเรือดูดทรายจนทำให้ยังไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ แต่คาดว่าในเร็วๆ นี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น และเชื่อว่าจะเริ่มทำการดูดทรายได้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.นี้อย่างแน่นอน
