“หมอนิธิ” แจงจัดหา “วัคซีนทางเลือก” แค่ชั่วคราว รอวัคซีนที่ผลิตในไทยเพียงพอ

เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ชี้แจงกรณีจัดหาวัคซีนทางเลือกซิโนฟาร์ม ระบุประกาศเป็นไปตามภารกิจปกติของราชวิทยาลัยฯ เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ย้ำสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศ หากวัคซีนที่ผลิตในไทยเพียงพอจะค่อยๆ ลดปริมาณลง

วันนี้ (27 พ.ค.) กรณีที่ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ว่าด้วยการให้บริการทางการแพทย์และการสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และสถานการณ์ฉุกเฉินอื่นๆ โดยสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมให้จัดหา ผลิต ขาย หรือนำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาต การขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้องในการดำเนินการดังกล่าวทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน จะมีการแถลงข่าว “แนวทางการจัดสรรและนำเข้าวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” โดยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)” ในวันพรุ่งนี้ (28 พ.ค.) เวลา 13.30-14.30 น. ณ สำนักงานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ถ.แจ้งวัฒนะ ซอย 7 เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

อ่านประกอบ : “ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์” แถลงจัดสรร-นำเข้าวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” พรุ่งนี้

เฟซบุ๊ก Nithi Mahanonda ของ ศ.ดร.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ โพสต์ข้อความชี้แจง ระบุว่า “ตามที่มีข่าวประกาศของราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ในราชกิจจานุเบกษาวันสองวันที่แล้วนั้น ผมขอค่อยๆ อธิบายทุกๆ ท่านให้เข้าใจตรงกันตามนี้ครับ

1. การที่ราชวิทยาลัยฯ จะมาช่วยจัดหาวัคซีน “ตัวเลือก” มาให้นั้น เมื่อวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทยสามารถผลิตและใช้ได้อย่างเพียงพอในการป้องกันการระบาด ทางราชวิทยาลัยจะค่อยๆ ลดปริมาณวัคซีน “ตัวเลือก” นี้ลง เช่นเดียวกับยาและเวชภัณฑ์อื่นๆ ที่สามารถผลิตได้ในประเทศ ราชวิทยาลัยสนับสนุนผลิตภัณฑ์ในประเทศ โดยคำนึงถึงสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

2. สำนักงานราชวิทยาลัยที่เป็นส่วนงานยังต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในเรื่องการผลิต นำเข้า รวมทั้งการให้อนุญาตเรื่องผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขในภาวะฉุกเฉินนี้

3. ประกาศที่ได้ประกาศไปนี้เป็นการประกาศตามภารกิจของราชวิทยาลัยตาม พ.ร.บ.จัดตั้งราชวิทยาลัยฯ อันเป็นภารกิจปกติ

4. ในส่วนของประกาศนี้นั้น เป็นไปตามความเห็นของสภาราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อเป็นเครื่องมือสนับสนุนรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักของประเทศ โดยใช้ศักยภาพของราชวิทยาลัยในเรื่องวิชาการ วิจัย และการประสานงานติดต่อกับต่างประเทศ

5. ราชวิทยาลัยฯ และกระทรวงสาธารณสุขทำงานประสานงานกันในเรื่องต่างๆ มาก่อนหน้านี้นานแล้ว เพื่อสุขภาพและการสาธารณสุขที่ดีของประเทศไทย”