ประธานกรรมการสรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส ชี้แจง “ยุทธิยง” หลักเกณฑ์การให้คะแนนผู้สมัครในรอบแสดงวิสัยทัศน์ โดยผู้สมัครต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60 จึงจะถูกเสนอชื่อให้กรรมการนโยบายพิจารณา ซึ่งมีผู้ได้คะแนนผ่านเกณฑ์แค่ 2 คน ยืนยันกรรมการสรรหาประชุมครบเมื่อรวมกับผู้ร่วมประชุมทางออนไลน์
จากกรณีที่ นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ไทยพีบีเอส ได้ทำหนังสือลงวันที่ 10 พ.ค. 2564 ถึง นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ขอให้คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท.ชี้แจงกรอบกฎเกณฑ์การให้คะแนนต่อผู้สมัครในรอบการแสดงวิสัยทัศน์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 พร้อมขอทราบเหตุผลเมื่อมีผู้สมัครเพียงแค่ 5 คนเท่านั้น ทำไมไม่เปิดโอกาสให้ผู้สมัครซึ่งมีกันน้อย ให้กรรมการนโยบายได้เข้าร่วมรับฟังซักถามมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และมีข้อสังสัยว่าคณะกรรมการสรรหามาประชุมกันไม่ครบนั้น (“ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที” ร้องความโปร่งใส สรรหา ผอ.ไทยพีบีเอส ชี้ คณะกรรมการมากันไม่ครบ)
เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 64 นายชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี ในฐานะประธานกรรมการสรรหาผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ได้ลงนามในหนังสือ ที่ สรรหา ผอ.ส.ส.ท. ๐๑๔/๒๕๖๔ เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาสรรหาผู้อำนวยการองค์การระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ถึง นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที มีรายละเอียดเนื้อหาระบุว่า
“อ้างถึงหนังสือลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาสรรหาผู้อำนวยการองค์การระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ของคณะกรรมการสรรหา ขอสอบถามและปรึกษาหารือมายังประธานคณะกรรมการสรรหา ตามความทราบแล้วนั้น
ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการองค์การระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสรรหา ขอตอบประเด็นข้อหารือของท่าน ดังต่อไปนี้
1. การพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครในรอบของการแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามนั้น คณะกรรมการสรรหา กำหนดหลักเกณฑ์การให้คะแนนการแสดงวิสัยทัศน์ฯ ได้แก่
1.1 ประสบการณ์ในการบริหารจัดการองค์กร
1.2 มีจิตสาธารณะ มีประสบการณ์ในการทำงานด้านสาธารณะอื่นๆ
1.3 วิสัยทัศน์ เรื่องการบริหารจัดการองค์กรสื่อสาธารณะ
1.4 กลยุทธ์การบริหารจัดการองค์กร
โดยคณะกรรมการสรรหา มีมติให้มีการลงคะแนนรอบแรก โดยกำหนดว่า ผู้ที่จะผ่านการพิจารณารอบแรกนี้ จะต้องได้รับคะแนนจากคณะกรรมการสรรหาฯ ทั้ง 9 คน ไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 จึงจะนำผู้ที่ผ่านเกณฑ์ดังกล่าวมาพิจารณาว่าจะส่งรายชื่อใดบ้าง เสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังการรับฟังวิสัยทัศน์และการตอบคำถามของผู้สมัครครบทุกคนแล้ว คณะกรรมการสรรหาได้ลงคะแนนลับ ผลปรากฏว่า มีผู้สมัครเพียง 2 คนที่ได้รับคะแนนในรอบนี้เกินกว่าร้อยละ 60 จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ให้ส่งรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับคะแนนผ่านเกณฑ์ดังกล่าว เสนอต่อคณะกรรมการนโยบาย
2. ตามข้อบังคับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการรับสมัคร และการสรรหา ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ 9.1 กำหนดให้คณะกรรมการสรรหา คัดเลือกผู้สมัครให้เหลือผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ไม่น้อยกว่า 2 คน และไม่เกิน 5 คน ดังนั้น เมื่อมีผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกในรอบการแสดงวิสัยทัศน์และตอบคำถามเพียง 2 คน คณะกรรมการสรรหา จึงมีมติตามข้อ 1
3. ในการประชุมคณะกรรมการสรรหา เพื่อรับฟังวิสัยทัศน์และการตอบคำถามเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564 มีคณะกรรมการเข้าร่วมการประชุมที่สำนักงานองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย จำนวน 7 คน และเข้าร่วมการประชุมทางออนไลน์ผ่านโปรแกรมซูม จำนวน 2 คน โดยได้ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในพระราชกำหนด ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๖๓ จึงถือว่ามีกรรมการสรรหามาร่วมประชุมครบทั้ง 9 คน
คณะกรรมการสรรหาขอเรียนว่า กระบวนการสรรหาผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการด้วยความโปร่งและเป็นธรรมทุกขั้นตอน ตามข้อบังคับองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย ว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการรับสมัคร และการสรรหา ผู้อำนวยการ ส.ส.ท. พ.ศ. 2564 ทุกประการ ภายใต้การกำหนดหลักเกณฑ์กติกาที่เป็นธรรมแก่ผู้สมัครทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน โดยกรรมการสรรหา ซึ่งเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้แทนองค์กรต่างๆ รวม 9 คน ที่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลายและผ่านการเสนอชื่อและแต่งตั้งโดยคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.
ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายมีสิทธิ์ในการที่จะยังไม่ดำเนินการคัดเลือกผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ในกรณีที่จำนวนผู้สมัครน้อยรายหรือในกรณีที่ได้มีการกลั่นกรองคัดเลือกแล้ว ไม่มีผู้สมัครรายใดมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และการตัดสินของคณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท. ถือเป็นที่สุด คณะกรรมการสรรหาเป็นเพียงกลไกหนึ่งที่คณะกรรมการนโยบาย ส.ส.ท.แต่งตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่กลั่นกรองคัดเลือกผู้สมัครหรือผู้ได้รับการเสนอชื่อในเบื้องต้นเท่านั้น
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ”
อนึ่ง ส.ส.ท. หรือ ไทยพีบีเอส ได้เปิดรับสมัครรับการสรรหาเข้าดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ซึ่งมีผู้ยื่นใบสมัครทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที, นางศศิธร พงศธร, ผศ.ดร.มานพ กาญจนบุรางกูร, นายนุวีร์ เลิศบรรณพงษ์ และ นายวรรณธนพล หิรัญบูรณะ แต่ภายหลังนายนุวีร์ มีหนังสือแจ้งความประสงค์ขอถอนตัวจากการสมัคร ทำให้เหลือผู้สมัครเพียง 5 ราย และประกาศรายชื่อบุคคลผู้สมัครเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และคัดเลือกให้เหลือผู้ที่เหมาะสมไม่น้อยกว่า 2 คน และไม่เกิน 5 คน โดยได้จัดการแสดงวิสัยทัศน์เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา
ต่อมาวันที่ 7 พ.ค. คณะกรรมการสรรหาผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ได้เสนอรายชื่อพร้อมประวัติและผลงานของผู้ที่เหมาะสมเพื่อรับการสรรหาเข้าดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ จำนวน 2 คน เพื่อให้คณะกรรมการนโยบายพิจารณาคัดเลือกรอบสุดท้ายและแต่งตั้งผู้อำนวยการ ส.ส.ท. ได้แก่ รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล และ ผศ.ดร.มานพ กาญจนบุรางกูร โดยคณะกรรมการนโยบายจะดำเนินกระบวนการคัดเลือกรอบสุดท้าย โดยเชิญผู้ผ่านการคัดเลือกทั้ง 2 ราย เข้าสัมภาษณ์ในวันที่ 12 พ.ค. 2564 และในวันดังกล่าว คณะกรรมการนโยบายทั้ง 9 คน มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก รศ. ดร.วิลาสินี พิพิธกุล เป็นผู้อำนวยการ ส.ส.ท.