xs
xsm
sm
md
lg

“กรมราชทัณฑ์” แจงไม่พบเชื้อโควิด-19 ใน จนท-ผู้ต้องขัง ที่ใกล้ชิด “จัสติน” เตรียมยกระดับมาตรการเชิงรุกในเรือนจำทั่วประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ราชทัณฑ์ออกประกาศชี้แจง ไม่พบเชื้อโควิด-19 ในเจ้าหน้าที่-ผู้ต้องขังที่สัมผัสใกล้ชิดกับ “จัสติน” เตรียมยกระดับมาตรการเชิงรุกในเรือนจำทั่วประเทศ หวังสกัดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำชั้นใน

จากกรณีเพจ “แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” ของเพนกวิน และ รุ้ง ปนัสยา แจ้งข่าว “จัสติน แสงวงศ์” ผู้ต้องหาคดี 112 ติดโควิด-19 เพนกวินที่นอนข้างกันรอผลตรวจ แต่คนใกล้ชิดระบุที่เป็นไข้เพราะฝีที่ท้ายทอย ไม่ได้ติดโควิด

ต่อมา ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมายืนยัน“จัสติน” ติดเชื้อโควิดในแดนกักโรค ต้องเร่งตรวจกลุ่มเสี่ยง “เพนกวิน-แอมมี่” ยันแดนปกติยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ด้านราชทัณฑ์ เตรียมตั้ง รพ.สนามเรือนจำ คุมเข้มการแพร่ระบาด

ล่าสุด วันนี้ (25 เม.ย.) เพจประชาสัมพันธ์กรมราชทัณฑ์ออกประกาศชี้แจง ไม่พบเชื้อโควิด-19 ในเจ้าหน้าที่ - ผู้ต้องขังที่สัมผัสใกล้ชิด “จัสติน” พร้อมยกระดับมาตรการเชิงรุกในเรือนจำทั่วประเทศ หวังสกัดเชื้อก่อนเข้าเรือนจำชั้นใน

“นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบตึกรมราชทัณฑ์ (ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์) เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือจัสติน ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีการติดเชื้อไวรัสโควิต-19 และได้ทำการส่งตัวไปรับการรักษาที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ทำให้ต้องดำเนินการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูง จำนวน 35 ราย โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 9 ราย และผู้ต้องขัง 26 ราย ซึ่งรวมถึงแกนนำกลุ่มราษฎรด้วยนั้น ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง กลุ่มสัมผัสใกล้ชิดที่มีความเสี่ยงสูงทั้ง 35 ราย ไม่พบเชื้อไวรัสโควิต-19 ทุกราย แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องแยกกักตัว กลุ่มดังกล่าวเป็นระยะเวลา 14 วันและทำการตรวจหาเชื้อช้ำอีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันผลว่าปลอดเชื้อ

นายธวัชชัยกล่าวชี้แจงว่า ปัจจุบัน (25 เมษายน 2564) เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสิ้น 10 ราย แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ 1 ราย และผู้ต้องขัง 9 ราย โดยผู้ต้องขังที่ติดเชื้อ 8 ราย เป็นผู้ช่วยงานเจ้าพนักงานเรือนจำ ซึ่งมีการแยกการควบคุมไว้ที่ฝ่ายควบคุมผู้ต้องขัง เพื่อปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตรวจคัน รับตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ และผู้ต้องขังไป-กลับศาล โดยเป็นการติดเชื้อจากการสัมผัสใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ที่ติดเชื้อ ซึ่งได้ตรวจพบเชื้อและทำการรักษาตัวอยู่ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณไปแล้วก่อนหน้านี้ รวมทั้งได้แยกกักตัวผู้สัมผัสใกล้ชิดรายอื่นๆ และตรวจหาเชื้อเรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ต้องขังอีก 1 ราย คือ นายชูเกียรติ ที่มีการพบว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2564 ที่ผ่านมา เป็นการตรวจพบเชื้อในระหว่างแยกกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วัน ในแดนกักโรคหลังกลับจากศาล ตามมาตรการป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ต้องแยกกักตัวผู้ต้องขังเข้าใหม่ รับย้ายและผู้ต้องขังออกศาลเป็นระเวลา 14 วัน ซึ่งยังอยู่ในระหว่างสอบสวนโรคอีกครั้งว่าเป็นการติดเชื้อจากกระบวนการใด

โดยยืนยันว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ยังไม่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำชั้นใน และผลการ ตรวจหาเชื้อในเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขังรายอื่นๆ ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่มเดิม “จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ยังมีแนวโน้มระบาดอย่างต่อเนื่อง กรมราชทัณฑ์ได้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้เป็นเชิงรุกมากขึ้น คือ 1. การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ในผู้ต้องขัง เข้าใหม่ทุกราย อย่างน้อย 2 ครั้ง คือ หลังรับตัวเข้าห้องแยกกักโรค ภายใน 3 วันแรก และก่อนออกจากห้องแยกกักโรคอีก 1 ครั้ง เพื่อยืนยันว่าไม่มีเชื้อ 2. การจัดหาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อฉีดให้แก่เจ้าหน้าที่ราชทัณท์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติงานในเรือนจำและทัณฑสถาน และ 3. ให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคนเข้ารับการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 และต้องทำการตรวจหาเชื้อในทุก 14 วัน โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้ต้องขัง จึงขอให้ผู้ต้องขังและญาติผู้ต้องขังมั่นใจและอย่าใด้วิตกกังวล กรมราชทัณฑ์มีความพร้อมในการรับมือและดูแลผู้ต้องขังทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี” นายธวัชชัยกล่าวปิดท้าย




กำลังโหลดความคิดเห็น