พลายดื้อช้างป่าอุทยานเขาใหญ่ออกฤทธิ์อีก บุกพังสำนักงานจนเจ้าหน้าที่ต้องแตกกระเจิงหนีตาย เชื่อสาเหตุมาจากอากาศร้อน ขาดอาหารขาดน้ำแล้วหงุดหงิด ปลอกคอติดสัญญาณดาวเทียม ส่วนผลสอบสวนคณะกรรมการกรณีทำร้ายนักท่องเที่ยวเสียชีวิตสุดพิลึก เกิดรายการเปลี่ยนตัวผู้ต้องหาจากพลายดื้อเป็นช้างป่าตัวอื่น
เมื่อเช้าตรู่ที่ผ่านมา (1 เม.ย. 2564) มีรายงานจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ว่าเกิดเหตุ “พลายดื้อ” ช้างป่าที่เคยก่อเหตุกระทืบนักท่องเที่ยวเสียชีวิตได้ออกจากป่าแล้วตรงเข้ารื้อทำลายข้าวของภายในที่ทำการใกล้ผากล้วยไม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังพักผ่อนอยู่ภายในต้องแตกกระเจิงวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่น
รายงานแจ้งว่า พลายดื้ออยู่ในอาการโกรธเกรี้ยว หูกาง หางชี้ ใช้งวงล้วงเข้าไปตามช่องหน้าต่างกระชากโต๊ะเก้าอี้ล้มระเนระนาด อีกทั้งพยายามพังประตูหน้าต่างเข้าไป แต่ไม่สามารถเข้าได้ และเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่หนีออกไปได้หมดแล้วยังคงยืนคำราม พอเห็นว่าตามเจ้าหน้าที่ไม่ทัน พลายดื้อยังใช้งวงลากถังน้ำแข็งขนาดใหญ่ออกมาแล้วกระทืบโชว์จนแตกเสียหายยับซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
หลังเวลาผ่านไปพลายดื้อเริ่มสงบ จากนั้นจึงเดินหลบเข้าไปในป่าโดยเจ้าหน้าที่ข้าราชการเวร ได้นำรถน้ำ มาเตรียมไล่พลายดื้อพร้อมกับนำแผงปิดกั้นถนนเพื่อป้องกันอันตรายอีกกด้วยเจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่าเห็นบาดแผลเป็นรอยยาวที่กกหูขวา คาดว่า จะเกิดจากการเสียดสีของปลอกคอระบบติดสัญญาณดาวเทียม หรือ GPS-Collar และอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พลายดื้อเกิดความหงุดหงิดก็ได้
สำหรับเหตุการณ์พลายดื้อทำร้ายนักท่องเทียวเสียชีวิตนั้น เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะนักท่องเที่ยวนอนหลับพักผ่อนภายในจุดกางเต็นท์ผากล้วยไม้ พลายดื้อได้บุกเข้าไปในเต็นท์ของคุณตาประโยชน์ จิตร์บุญ อายุ 80 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวประจำอุทยานเขาใหญ่ มีความเข้าใจกฎระเบียบเป็นอย่างดี แต่ไม่ปลอดภัยจากช้างป่า ถูกทำร้ายจนเสียชีวิตคาที่
หลังเกิดเหตุมีกระแสวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง โดยกลุ่มนักอนุรักษ์ช้างป่าเขาใหญ่เชื่อว่า พลายดื้อเกิดอารมณ์แปรปรวนเพราะปลอกคอที่เพิ่งนำมาติดได้ไม่นาน รายงานจากแหล่งข่าวสำนักอนุรักษ์พื้นที่ 1 จ.ปราจีนบุรี ซึ่งทำการสอบสวนหาสาเหตุพลายดื้อทำร้ายนักท่องเที่ยว ได้สรุปออกมาแล้ว โดยระบุว่าช้างป่าตัวที่บุกเข้าเต็นท์คุณตาประโยชน์ ไม่ใช่พลายดื้อแต่เป็นตัวอื่น ซึ่งในประเด็นนี้ค่อนข้างสร้างความมึนงงกับทุกฝ่าย เนื่องจากขัดแย้งต่อข้อเท็จจริงอย่างสิ้นเชิง