ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว! ชาวเน็ตสงสารหญิงรมควันในรถฆ่าตัวตายพร้อมลูกอีก 2 คน แต่ฝ่ายหญิงรอด พบโพสต์สุดท้ายเที่ยวคาเฟ่ดังกับลูก ก่อนจบชีวิตลง ขุดหลักฐานทั้งคลิปเสียง จดหมายลาตาย ระบุฝ่ายชายไปมีหญิงอื่นเป็นนักร้อง หลอกให้หย่า ด้านฝ่ายชายโต้ อ้างเป็นเพียงเพื่อนร่วนงาน โบ้ยมีแฟนอยู่แล้วเป็นผู้หญิง แต่ชาวเน็ตไม่เชื่อ ทัวร์ลงต่อเนื่อง
วันนี้ (1 เม.ย.) กรณีที่หญิงรายหนึ่งวัย 35 ปี ตัดสินใจรมควันในรถพร้อมกับลูกวัย 6 ขวบและ 2 ขวบ เหตุเกิดที่บ้านพักหลังหนึ่งในอำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ลูกทั้งสองคนเสียชีวิต ส่วนหญิงคนดังกล่าวมีอาการหมดสติ เจ้าหน้าที่การแพทย์ฉุกเฉินนำส่งโรงพยาบาลบางคล้า อาการปลอดภัย
ขณะที่ฝ่ายชายซึ่งเป็นอดีตสามี วัย 36 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวท้องถิ่น ระบุว่า อดีตภรรยาป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามานานเกือบ 1 ปี ตนได้แยกกับภรรยาเป็นเวลา 3 เดือน แต่ก็ยังแวะเวียนเข้ามาหาลูกบ้าง ไม่คิดว่าทางฝ่ายอดีตภรรยาจะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ส่วนสาเหตุอาจจะเกิดอาการน้อยใจที่ต้องแยกกันอยู่ แต่ที่ผ่านมาอดีตภรรยาก็ดูแลลูกอย่างดีและรักลูกมากๆ
อ่านประกอบ : สามีนักร้องสาวรมควันตัวเองพร้อมลูกน้อยเผยเมียป่วยซึมเศร้า หลังออกจากงานบันเทิง
รายงานข่าวระบุว่า ในเฟซบุ๊กส่วนตัวของหญิงคนดังกล่าว โพสต์ข้อความสุดท้ายเมื่อวันที่ 28 มี.ค. เวลา 15.32 น. ก่อนจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย ระบุว่า “จะไปละนะ” โดยมีภาพของตนและลูกน้อย 2 คนมาเที่ยวที่คาเฟ่ชื่อดังแห่งหนึ่ง ริมแม่น้ำบางปะกง ในอำเภอบางคล้า ภาพดังกล่าวมีชาวเน็ตนับหมื่นคนแชร์และคอมเมนต์แสดงความห่วงใยเมื่อทราบข่าว
ขณะเดียวกัน ยังมีชาวเน็ตเจอวิดีโอคลิปหัวข้อ “หลอกว่ารัก ทิ้งลูกเมียเพื่ออิสระและความสุขของตัวเอง 13 ปีของชีวิตคู่” ในยูทูป ความยาว 6.29 นาที เผยแพร่เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าตัวระบุว่า “คลิปนี้อัดไว้ตั้งแต่ตอนโดนหลอกให้หย่าใหม่ๆ ต้นเดือนมกราคม 2564” โดยกล่าวทั้งน้ำตาว่า ฝ่ายชายมาบอกว่าไม่ได้รักเหมือนเดิมมา 1 ปี ที่ผ่านมาแต่งงาน 13 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน ก่อนปีใหม่ 2564 เริ่มสงสัยพฤติกรรมสามีที่เปลี่ยนไป
โดยพบว่าสามีคุยโทรศัพท์ตอนดึกๆ บ่อยๆ มีหญิงรายหนึ่งชอบไลน์มาหา ชวนออกไปเที่ยวด้วยกันแล้วตอบรับทันที จึงสงสัยและทะเลาะกัน จึงรู้ว่าหญิงคนดังกล่าวเป็นนักร้องที่เล่นดนตรีด้วยกัน ฝ่ายชายปฏิเสธไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่หลังจากนั้นขอบอกเลิกเลยแบบไม่ทันตั้งตัวและไม่เคยมีวี่แววมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ก็ดูแลตนและลูกอย่างดีมาตลอด
“เขาสารภาพว่า ที่ผ่านมา 1 ปีที่บอกว่ารักเรามันเป็นเรื่องโกหก เราโดนหลอกให้ไปหย่า เขาบอกว่ามันเป็นแค่กระดาษใบเดียว แล้วให้เราตามจีบเขาใหม่ แล้วจะแต่งงานเมื่อไหร่ก็ได้ เขาบอกว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วอะไรๆ จะดีขึ้น เราก็เลยไปหย่าให้เขา”
ฝ่ายหญิงกล่าวว่า หลังหย่ากันก็มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบสามีภรรยาเหมือนเดิม แต่ฝ่ายชายกล่าวว่าอยากได้อิสระ ห้ามหึงหวง เขาให้ความสุขเรา เราให้ความสุขเขาวิน-วิน แต่ไม่ให้แสดงตัว เพราะอยากเปิดใจกับคนอื่น มีคนคุยด้วยแล้วสบายใจหลายคน ทำร้ายด้วยคำพูดหลายครั้ง ทำยังไงก็ไม่ลดลง ถึงแม้จะถูกทำร้ายจิตใจหลายครั้ง ความรักไม่เคยลดลง พยายามให้อภัยมาตลอด เพราะเป็นพ่อของลูกและรักแรกของตน
จนวันหนึ่งได้บอกให้ฝ่ายชายออกไปอยู่ข้างนอก ไปลองมีชีวิตอิสระแบบที่เขาอยากได้ ถึงแม้จะเจ็บมาก ตอนนี้ยังเลี้ยงลูกอยู่บ้านเพราะลูกยังเล็กมาก เมื่อก่อนร้องเพลงและทำงานกับสามีที่ทำเครื่องเสียงและนักดนตรี เมื่อก่อนเวลาไปไหนก็ไปด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน หลังจากมีลูกมา 5 ปีก็เปลี่ยนไป แต่ก็คิดว่าลูกจะสามารถเติมเต็มได้ และความห่วงใยของเราจะช่วยได้
ที่ผ่านมาอะไรที่ว่าดีจะขวนขวายให้เขา ตั้งใจทำงานเป็นเบื้องหลังตลอด ไม่เคยเปิดใจให้คนอื่น และกล่าวว่าตนผิดเองที่พึ่งพาแต่ฝ่ายชายเพราะไม่คิดว่าจะทิ้งเราไป ยังหวังอยู่เสมอว่าอยากให้พ่อของลูกกลับมา ไม่รู้ตัดสินใจผิดไหมที่ให้ฝ่ายชายอยู่ข้างนอกในแบบที่ต้องการ แม้จะหย่ากันเท่าไหร่ตัวเขาอยู่กับเรา เรามีความสุขด้วยกัน แต่อยากได้ความรัก ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วย
นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตเผยแพร่จดหมายลาตายของฝ่ายหญิง ระบุว่า แต่งงานกับฝ่ายชายมา 13 ปี เพิ่งจะหย่ากันตอนต้นปีที่ผ่านมา แต่หลังจากหย่ากัยความสัมพันธ์แบบสามีภรรยาก็ไม่ได้จบลง ยังนอนด้วยกันบ่อยๆ เรื่องนี้แม่ฝ่ายชายรู้ และมีหลักฐานในโทรศัพท์ ยังคงบอกคนอื่นว่าโสด ไม่มีพันธะ ทั้งที่ยังนอนกับเรา ตนรู้ทุกอย่างที่ฝ่ายชายทำ เพราะติด GPS ไว้ที่รถ
แต่พอตอนบ่ายอีกวันจะไปหาผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ไปรับ ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทั้งที่บอกกับผู้หญิงอีกคนแล้วว่า ให้เว้นระยะห่างหน่อยได้ไหม ทำไมต้องไปไหนกันสองต่อสองตลอด และขอร้องเลิกเป็นมือที่ 3 ได้ไหม แต่ผู้หญิงอีกคนก็ไม่เลิก ทั้งที่รับปากแล้ว ตบมือข้างเดียวไม่ดังถ้าผู้หญิงอีกคนไม่สานต่อ เรื่องมันคงไม่ดำเนินมาถึงขนาดนี้
ฝ่ายชายบอกว่าแค่เพื่อน แต่จ่ายเงินค่าอัดเพลงให้กัน 5,000 บาท พาไปเที่ยวพัทยาขึ้นเรือตกหมึก ชวนไปดูหนัง คอยไปรับไปส่ง ทำงาน เล่นกีฬา ไปเที่ยวแฟชั่นไอส์แลนด์กันสองต่อสอง ซื้อของให้กัน แต่โกหกว่าไปทำงาน ไปเที่ยวเมกาบางนากัน 2 คน ไปโรบินสัน (ห้างโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ฉะเชิงเทรา) โกหกว่าเย็นนี้มีงาน แต่ที่จริงรับผู้หญิงอีกคนไปเที่ยว ไปทำงาน
ที่ไม่พูดเพราะเห็นแก่ลูก คิดว่าจะกลับมาได้ เงินค่าเลี้ยงดูบุตรก็ไม่ค่อยให้ บอกว่าไม่ค่อยมีเงินแต่จ่ายเงินให้ผู้หญิงอีกคนได้ ตนยอมให้คนเข้าใจผิดว่าทำไมไม่ยอมจบสักที ฝ่ายชายบอกคนอื่นว่าเราไม่ยอมจบ ทั้งที่ยังนอนด้วยกัน
หลักฐานมีหมดในมือถือ ที่ฝ่ายชายซื้อของให้เพื่อนเป็นชื่อผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จ่ายเงินค่าทำเพลงให้ ทั้งที่บอกว่าไม่มีเงิน ตนก็เชื่อและโอนเงินให้ ค่าเลี้ยงดูบุตรไม่ให้ก็ไม่ค่อยว่า ทั้งที่บอกกับฝ่ายชายว่าลูกๆ จะไปนครสวรรค์กันแล้ว ทำไมไม่ใช่เวลาที่เหลือกับลูกๆ แต่เลือกไปหาผู้หญิงอีกคน
ฝ่ายชายเคยพูดมาคำหนึ่งว่า แค่มีผู้หญิงอีกคน ไม่มีตนกับลูกก็ไม่เหงา มันทำให้เราเจ็บมาก ฝ่ายชายไม่สมควรเป็นพ่อคนได้ แอบเอาสินสมรสของตนไปขาย ตอนพาผู้หญิงอีกคนไปอัดเพลง (เครื่องเสียง) แม่กับญาติฝ่ายชายถ้าไม่ถือหางจนเกินไปคงจะดีกว่านี้ และจะเห็นความเลวของฝ่ายชาย พร้อมขอบคุณคนที่ออกมาช่วยเหลือ สั่งเสียว่าเงินในบัญชี 27,000 บาท ฝากให้แม่ของตน ร่างกายบริาคแล้ว ไม่ต้องยื้อ และจัดการเรื่องมือถือด้วย
อย่างไรก็ตาม ได้มีเฟซบุ๊กของฝ่ายชายโพสต์ข้อความระบุว่า “ชี้แจงให้ทราบ เรื่องจดหมายลาและคลิปในยูทูป ความจริงเป็นจะแบบไหน แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนจะได้รับรู้เรื่องราวมา บางเรื่องคุณฟังแค่ไม่เท่าไหร่ อาจจะเกลียดอีกคนนึงได้รวดเร็ว คนที่รู้จักผม และ ... (ฝ่ายหญิง) แบบจริงๆ จะรู้ดีว่าเราทั้งคู่เป็นแบบคนไหน ใครนิสัยยังไง
ผมและน้อง ... (นักร้อง) เป็นเพียงเพื่อนร่วนงาน และพี่น้อง นักดนตรีเท่านั้น ไม่มีอย่างอื่นเกินเลย ครอบครัวผมทราบโดยตลอดมา ที่สำคัญน้อง ... (นักร้อง) มีแฟนอยู่แล้ว เป็นผู้หญิง เค้าไม่ได้ชอบผู้ชายแน่นอน เป็นไปไม่ได้เลย ความสูญเสียครั้งนี้ มากมายเหลือเกิน ขอความกรุณาทุกท่าน อย่าทำให้มีใครเสียใจ ทุกข์ใจไปมากกว่านี้เลยครับ”
ปรากฏว่าชาวเน็ตไม่เชื่อ ยังคงโจมตีฝ่ายชายว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่นำไปสู่เรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นในวันนี้