สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เผยผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง “พล.อ.ประยุทธ์” อยู่ในอันดับที่ 2 ที่ประชาชนไว้วางใจให้นั่งในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขวัญใจ 3 นิ้ว อยู่อันดับ 5 ส่วนที่ 1 ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้
วันนี้ (29 มี.ค.) เพจศูนย์สำรวจความคิดเห็น “NIDA Poll - นิด้าโพล” จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้ออกมาเผยผลสำรวจความคิดเห็นในหัวข้อ “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง” ที่มีการจัดทำขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 23-26 มีนาคม 2564 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,522 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 30.10 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 28.79 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ตัดสินใจได้เด็ดขาด มีความซื่อสัตย์ มีโครงการต่างๆ ที่ช่วยเหลือประชาชนทุกเพศทุกวัยได้อย่างทั่วถึง ชื่นชอบในการบริหารงานได้ดี เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 3 ร้อยละ 12.09 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เพราะอยากให้ผู้หญิงขึ้นมาบริหารประเทศบ้าง มีประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาได้ดี เป็นคนตรงไปตรงมา มีความเป็นผู้นำ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 4 ร้อยละ 8.72 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส (พรรคเสรีรวมไทย) เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา พูดจริง ทำจริง ชื่นชอบนโยบายและการทำงานของพรรค มีความซื่อสัตย์ และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 5 ร้อยละ 6.26 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะอยากได้คนรุ่นใหม่มาบริหารประเทศ อยากให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชื่นชอบนโยบายพรรค และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 6 ร้อยละ 3.25 ระบุว่า ไม่ตอบ/ไม่สนใจ อันดับ 7 ร้อยละ 2.70 ระบุว่าเป็น นายกรณ์ จาติกวณิช (พรรคกล้า) เพราะ เป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง กล้าคิด กล้าทำ มีความสามารถทางด้านเศรษฐกิจ มีผลงานในการทำงานที่ดีตั้งแต่อยู่พรรคเก่า มีความซื่อสัตย์ และมีความน่าเชื่อถือ อันดับ 8 ร้อยละ 2.02 ระบุว่าเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล (พรรคภูมิใจไทย) เพราะ มีผลงานในการทำงานที่ดี โดดเด่น เป็นคนตรงไปตรงมา และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 9 ร้อยละ 1.90 ระบุว่าเป็น นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ (พรรคเพื่อไทย) เพราะชื่นชอบการทำงานและผลงานของพรรคในการช่วยเหลือประชาชน และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว อันดับ 10 ร้อยละ 1.15 ระบุว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ (พรรคเศรษฐกิจใหม่) เพราะ มีนโยบายพรรคที่ชัดเจน มีวิสัยทัศน์ที่ดี น่าจะช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ดี และชื่นชอบเป็นการส่วนตัว และร้อยละ 3.02 ระบุอื่นๆ ได้แก่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ (พรรคประชาธิปัตย์) น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา (พรรคชาติไทยพัฒนา) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม (พรรคไทยภักดี) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (พรรคประชาชาติ) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นายชลน่าน ศรีแก้ว (พรรคเพื่อไทย) นายเทวัญ ลิปตพัลลภ (พรรคชาติพัฒนา) นายชวน หลีกภัย (พรรคประชาธิปัตย์) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ (พรรคพลังประชารัฐ)
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/63 เดือนธันวาคม 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่ายังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายกรณ์ จาติกวณิช นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 29.82 ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย อันดับ 2 ร้อยละ 22.13 ระบุว่า พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 16.65 ระบุว่า พรรคพลังประชารัฐ อันดับ 4 ร้อยละ 13.48 ระบุว่า พรรคก้าวไกล อันดับ 5 ร้อยละ 7.10 ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 3.81 ระบุว่า พรรคเสรีรวมไทย อันดับ 7 ร้อยละ 3.25 ระบุว่า พรรคภูมิใจไทย อันดับ 8 ร้อยละ 1.03 ระบุว่า พรรคชาติไทยพัฒนา และร้อยละ 2.73 ระบุอื่นๆ ได้แก่ พรรคกล้า พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคเพื่อชาติ พรรคชาติพัฒนา พรรคไทยภักดี พรรคประชาชาติ พรรครวมพลังประชาชาติไทย พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย พรรคไทยศรีวิไลย์ และไม่ตอบ/ไม่สนใจ
และเมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 4/63 เดือนธันวาคม 2563 พบว่า ผู้ที่ระบุว่า พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคก้าวไกล และพรรคประชาธิปัตย์ มีสัดส่วนลดลง ในขณะที่ผู้ที่ระบุว่า ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองใดเลย พรรคเสรีรวมไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 8.84 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 25.65 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑล และภาคกลาง ร้อยละ 18.32 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.65 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่างร้อยละ 48.89 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.11 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่างร้อยละ 6.30 มีอายุ 18 – 25 ปี ร้อยละ 15.54 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 20.02 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 33.82 มีอายุ 46 – 59 ปี และร้อยละ 24.32 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 95.60 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 2.82 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 0.87 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่นๆ และร้อยละ 0.71 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่างร้อยละ 22.01 สถานภาพโสด ร้อยละ 74.11 สมรสแล้ว ร้อยละ 3.01 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.87 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส
ตัวอย่างร้อยละ 30.25 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 32.24 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.01 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 23.95 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.40 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 1.15 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่างร้อยละ 9.60 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 13.84 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 21.02ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ ร้อยละ 14.83 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 16.10 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.98 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 2.37 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 1.26 ไม่ระบุอาชีพ
ตัวอย่างร้อยละ 20.06 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 25.77 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 25.73 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.40 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.13 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001- 40,000 บาท ร้อยละ 5.19 มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 9.72 ไม่ระบุรายได้