“ดีป้า” ผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตร ปลุกผู้ประกอบการย่านลาดพร้าว-ปทุมวัน ขึ้นชั้นพื้นที่ต้นแบบเศรษฐกิจอัจฉริยะ ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ยกระดับธุรกิจ แก้ปัญหาการบริหารจัดการ ขยายตลาด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ผู้ประกอบการ
วันนี้ (13 มี.ค.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) พร้อม 8 พันธมิตร เปิดตัว “โครงการส่งเสริมและจัดแสดงพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ” ผ่านการขับเคลื่อนผู้ประกอบการในพื้นที่ลาดพร้าว-ปทุมวัน ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล 12 ประเภทจากดิจิทัลสตาร์ทอัปไทยที่ผ่านการคัดเลือกกว่า 50 ราย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ผ่านกิจกรรมรูปแบบ On Ground และ On Cloud สร้างการรับรู้สู่กลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่สนใจ คาดเกิดการจับคู่ธุรกิจกว่า 1,000 ราย สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจมากกว่า 30 ล้านบาท
ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า หนึ่งในภารกิจสำคัญของ ดีป้า ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง คือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ล่าสุด ดีป้า จึงร่วมกับ 8 พันธมิตร ประกอบด้วย สำนักการวางผังและพัฒนาเมือง สำนักงานเขตจตุจักร สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เปิดตัวโครงการส่งเสริมและจัดแสดงพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ (Smart Economy Showcase) ในพื้นที่เขตลาดพร้าว ณ ศูนย์การค้ายูเนียน มอลล์ และเขตปทุมวัน ณ ศูนย์การค้าสยามสแควร์วัน ในวันที่ 20 มีนาคมนี้ ผ่านกิจกรรมในรูปแบบ On Ground และ On Cloud เพื่อสร้างการรับรู้แก่กลุ่มเป้าหมายและประชาชนที่สนใจในยุคชีวิตวิถีใหม่ (นิวนอร์มัล) อย่างแท้จริง
โครงการส่งเสริมและจัดแสดงพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบจะช่วยให้ผู้ประกอบการในทุกภาคธุรกิจสามารถเลือกสรรเทคโนโลยีดิจิทัล 12 ประเภทจากดิจิทัลสตาร์ทอัปที่ผ่านการคัดเลือกจาก ดีป้า รวมกว่า 50 ราย เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ยกระดับการดำเนินธุรกิจ แก้ไขปัญหาการบริหารจัดการ ขยายตลาด ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับเหล่าผู้ประกอบการ ซึ่งกิจกรรมต่างๆ ของโครงการจะจัดขึ้นในรูปแบบ On Ground เพื่อสร้างความตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลผ่านการบรรยายพิเศษจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการธุรกิจ การสาธิตวิธีใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการดำเนินธุรกิจและการใช้ชีวิตในยุคชีวิตวิถีใหม่ พร้อมเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัพได้มาพบกัน เพื่อรับคำปรึกษาและทดลองใช้เครื่องมือดิจิทัลในด้านต่างๆ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ในรูปแบบ On Cloud ผ่านแพลตฟอร์มของ Zipevent หนึ่งในดิจิทัลสตาร์ทอัปที่ได้รับการพิจารณาเข้าร่วมโครงการในชื่อ depa Business Matching on Cloud (https://www.zipeventapp.com/e/depabusinessmatchingoncloud) โดยกิจกรรมดังกล่าวมีการนำเสนอโปรโมชันมากมายสำหรับผู้ประกอบการ ซึ่งสามารถนัดหมายเจรจาธุรกิจกับดิจิทัลสตาร์ทอัปที่สนใจได้แล้ววันนี้ไปจนถึงวันที่ 23 เมษายนนี้ ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวถือเป็นช่องทางที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการและดิจิทัลสตาร์ทอัป อีกทั้งลดความเสี่ยงในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
“กิจกรรมในโครงการส่งเสริมและจัดแสดงพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบทั้งหมด ถือเป็นส่วนสำคัญในการสร้างพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบในยุคชีวิตวิถีใหม่ อีกทั้งเป็นส่วนช่วยสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลต่อไป โดย ดีป้า คาดว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการจับคู่ธุรกิจมากกว่า 1,000 ราย และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท” ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าว
ด้าน นายฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการใหญ่ (กลุ่มงานเศรษฐกิจดิจิทัล) ดีป้า กล่าวเสริมว่า นอกจากการบูรณาการการทำงานของภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว โครงการส่งเสริมและจัดแสดงพื้นที่เศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบยังให้ความสำคัญกับการพัฒนากำลังคนและบุคลากรดิจิทัล (Upskill) ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม (Smart People) และสอดคล้องกับการทำธุรกิจสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ พร้อมสร้างโอกาสในตลาดภูมิภาคผ่าน Digital Transformation Courses หลักสูตรเรียนฟรีและมีใบประกาศนียบัตรให้ที่หยิบยก Pain Point ของธุรกิจอาหาร ธุรกิจการเกษตร และธุรกิจการค้าและบริการ รวมถึงแนวทางการส่งออกมาตีโจทย์และชี้ให้เห็นความสำคัญของการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่ง ดีป้า คาดหวังว่าจะมีผู้เข้าถึงหลักสูตรดังกล่าวไม่น้อยกว่า 20,000 คน
สำหรับหลักสูตร Digital Transformation Courses จะเผยแพร่ผ่าน YouTube: depa Thailand, Facebook Group: Digital Transformation Courses และ เว็บไซต์ http://www.classwin.com ซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นายวัชริศ หาญสุทธิวงศ์ 08 3123 0851