คนในโรงพยาบาลนครพิงค์เห็นกลุ่มบุคลากรด่านหน้า 300 คนแรก ฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อน นึกว่าแขกวีไอพี แถมระบบลงทะเบียนขัดข้องกลัวไม่ได้วัคซีน ส่งภาพไปที่เพจรีบตีโพสต์ “วัคซีน VIP” กระหึ่มทั่วไทย ความพินาศฉิบหายจึงบังเกิด ผู้อำนวยการถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ ถูกตั้งกรรมการสอบแบบกราวรูด ล่าสุด เพจดังโพสต์ยาวเหยียด สาระมีแค่ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อน
วันนี้ (4 มี.ค.) จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจที่ชื่อว่า “Infectious ง่ายนิดเดียว” ซึ่งคาดว่าเป็นบุคลากรทางการแพทย์ โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ระบุว่า มีคนส่งรูปมา บางจังหวัดเริ่มมีการฉีดวัคซีน แต่มีแขกพิเศษ หรือ วีไอพี (VIP) ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ แต่เป็นแขกวีไอพีของจังหวัด ถูกกันวัคซีนและให้มารับก่อนบุคลากรทางการแพทย์ถึงในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลอีกคนกันก็ไม่ระอาใจ คนมารับก่อนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ละอายแก่ใจ แพทย์ในโรงพยาบาลขวนขวายถึงจะได้ฉีด ลงทะเบียนไม่ได้ เสียความรู้สึกมากๆ สงสารบุคลากรทางการแพทย์ เกลียดคำว่าวีไอพี เมื่อไรจะหมดไปในสังคมไทย ขอคำชี้แจงจากผู้เกี่ยวข้อง ให้กำลังใจบุคลากรทางการแพทย์
ปรากฏว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังโพสต์ดังกล่าวถูกกระจายออกไป นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ออกมาชี้แจงว่า ทางจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดกลุ่มเป้าหมาย 1,450 คน เป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และเจ้าหน้าที่อื่นๆ โดยแผนกำหนดวันแรกจำนวน 300 คน แต่ปรากฏว่า เริ่มแรกในการลงทะเบียนสมัครใจฉีดมีจำนวนไม่มาก อาจเพราะไม่มั่นใจ แต่หลังจากมีการประชาสัมพันธ์จึงทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ทำให้วันแรกมีมาฉีด 140 คน โดยเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 73 คน และเจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง 67 คน ซึ่งในจำนวน 67 คนนี้ เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานหรือมีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด ซึ่งไม่ใช่แขกวีไอพี
โดยจำนวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็จะเป็นฝ่ายความมั่นคง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ด้วย โดยหนึ่งในนั้นก็มีทหารยศสัญญาบัตร และมีนายสิบด้วย ก็มาฉีด ซึ่งกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ปฏิบัติงานเกี่ยวกับโควิด และมีชื่ออยู่ในกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทางเชียงใหม่มีการชี้แจงและแถลงข่าว ขณะเดียวกัน ทาง นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยมีผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ เป็นประธาน และมีผู้คุณวุฒิกรมควบคุมโรคเป็นกรรมการ เพื่อให้เรื่องนี้ชัดเจน และเพิ่มความมั่นใจต่อระบบกับประชาชน
หลังจากนั้น มีรายงานว่า นายแพทย์วรเชษฐ เต๋ชะรัก ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ถูกตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และต้องยุติการทำหน้าที่ จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ สำหรับสาเหตุมาจากการที่ทางจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ได้รับการจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากบริษัท ซิโนแวค ประเทศจีน 3,500 โดส จำนวน 1,750 คน โดยแบ่งเป็น บุคลากรทางการแพทย์ 1,450 คน ที่เหลืออีก 300 คน เป็นกลุ่มหัวหน้าหน่วยราชการที่มีความเสี่ยงในการพบปะกับผู้คนจำนวนมาก ในจำนวนนี้แบ่งให้กับตัวแทนภาคการท่องเที่ยวจำนวนหนึ่ง ที่ต้องต้องติดตามปัญหาและพบผู้คนจำนวนมาก ทำให้คนที่ไม่ทราบหลักเกณฑ์เกิดความเข้าใจผิด
ขณะที่ พญ.ลดาวรรณ หาญไพโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ ชี้แจงว่า โรงพยาบาลนครพิงค์ รับหน้าที่ฉีดวัคซีนให้บุคคล 4 กลุ่ม คือ บุคลากรโรงพยาบาลนครพิงค์ จำนวน 455 ราย บุคลากรสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ 26 ราย บุคลากรกรมควบคุมโรค 22 คน และกลุ่มบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย ประกอบด้วย อสม. ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่การท่าฯ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง อาสาสมัคร ทหาร ตำรวจ ภาคบริการ และภาคท่องเที่ยว จำนวน 300 ราย ซึ่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่จัดสรรรายชื่อ ก่อนที่จะส่งให้โรงพยาบาลนครพิงค์ทำการฉีดวัคซีน
ขณะที่โรงพยาบาลนครพิงศ์มีผู้ประสงค์และต้องการจะฉีดวัคซีน จำนวน 1,964 ราย จึงแบ่งเป็นกลุ่มตามความเสี่ยงของเจ้าหน้าที่ ปรากฎว่า ลอตแรกจัดสรรให้กลุ่มเสี่ยงสูงก่อน ทำให้เกิดการเข้าใจคลาดเคลื่อนในการประสานงานส่งรายชื่อ อีกทั้งยังเข้าใจผิด คิดว่ากลุ่มบุคลากรด่านหน้าที่มีความเสี่ยงสัมผัสผู้ป่วย 300 คน เป็นแขกวีไอพี ประกอบกับบุคลากรโรงพยาบาลนครพิงค์ บางส่วนไม่สามารถลงทะเบียนเพื่อฉีดวัคซีนทางออนไลน์ได้ เพราะขัดข้องทางเทคนิค จึงเข้าใจผิดว่าจะไม่ได้รับวัคซีน และถูกแซงคิวโดยกลุ่มวีไอพี ซึ่งขณะนี้ได้มีการทำความเข้าใจและมีการยอมรับว่าเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนจริง
ล่าสุด เฟซบุ๊ก “Infectious ง่ายนิดเดียว” โพสต์ข้อความว่า “จากใจแอดมิน ให้กำลังใจท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพิงค์ และผู้บริหาร และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด โพสต์เมื่อวันก่อน สืบเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่โรงพยายาลนครพิงค์ แจ้งมาให้ช่วยตรวจสอบว่า เกิดเหตุการณ์ในวันรับวัคซีนโควิด Sinovac ว่าจะมีฝ่ายปกครองแทรกแซงการจัดสรรวัคซีน ทำให้บุคลากรทางการแพทย์จะไม่ได้วัคซีน 1. บุคลากรในโรงพยาบาลลงทะเบียนไม่ได้ในระบบออนไลน์ในการรับวัคซีน และเกรงว่าจะไม่ได้วัคซีน และเชื่อว่ามี VIP มาแซงคิว 2. ร่วมกับมีบุคลากรอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทางการแพทย์มารับวัคซีน เรียกว่า VIP มีภาพส่งให้แอดมินมา ภายหลังตรวจสอบแล้วเป็นบุคลากรด่านหน้าที่รับโควิด แค่เรียกชื่อว่า VIP โดยไม่ใช่ VIP จริง ซึ่งคิดว่ามีกลุ่ม VIP ถูกจัดสรรวัคซีนมาให้หรือ ท่านผู้บริหารโรงพยาบาลถูกบังคับจากผู้มีอำนาจ ต้องแบ่งวัคซีนให้คนที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ เลยกังวลว่า เจ้าหน้าที่จะไม่ได้วัคซีน แค่นั้นจริงๆ
ปัญหาทั้งหมด เกิดจากปัญหาการสื่อสาร ทางแอดมินขอน้อมรับ เพจเราสู้เพื่อพวกเรามาตลอด ไม่เคยคิดทำร้ายใคร โพสต์ที่ผ่านมาเพียงเพื่อให้ตรวจสอบว่ากระทรวงสาธารณสุขเราไม่ถูกแทรกแซงจากฝ่ายปกครอง ไม่ได้ให้ร้ายท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาล หรือผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข มีโทรศัพท์เข้าหาแอดมินตลอดเพื่อชี้แจง
ขอโทษผู้บริหาร เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลนครพิงค์ที่ทำให้เดือดร้อน แอดมินก็มีพี่ๆ น้องๆ เพื่อนๆ ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ เคยไปบรรยายให้ความรู้ที่โรงพยาบาลนครพิงค์ จุดประสงค์เดียวคือเพราะเกรงว่าเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลจะไม่ได้วัคซีนแค่นั้น เหนือสิ่งอื่นใด คือ จุดประสงค์เดียวกันคือ 1 ปีที่ผ่านมา เราสู้ด้วยกันมาตลอด กระทรวงสาธารณสุขคือบ้านของเรา เราไม่มีวันทำร้ายกันแน่นอน เราให้กำลังใจกันและกันตลอดมา เราจะสู้ไปด้วยกัน ศัตรูที่แท้จริงของเราคือ ไวรัสโควิด เราจะรอดไปด้วยกัน ยืนเคียงข้างกันตลอดไป
ขอโทษ ไม่มีคำแก้ตัวอื่นครับ แอดมินก็รู้สึกผิด และไม่สบายใจ นอนไม่หลับ ไม่เคยคิดทำร้ายพวกเรากันเอง โทรศัพท์เข้าทั้งวัน ทั้งผู้บริหารกระทรวง นักข่าว เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ท่านผู้อำนวยการถูกย้าย ตั้งกรรมการสอบ สุดท้าย ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เชื่ออย่างจริงใจ ผลการสอบสวนในคุณงามความดีของท่านกลับมาทำงานเช่นเดิมครับ และไม่มีใครฝ่ายปกครอง มาแทรกแซงการทำงานกระทรวงสาธารสุขเรา เราคือทีมเดียวกัน เราจะจับมือรอดโควิดไปด้วยกัน”