เผยอาการล่าสุด “ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร” ใกล้เคียงเดิม ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเต็มที่ และให้อาหารบางส่วนผ่านเส้นเลือด ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการติดเชื้อคุมไม่อยู่-ลามไปที่อื่น ชี้ปัญหาใหญ่คือเรื่องการติดเชื้อและการทำงานของปอด หลังที่ผ่านมายังหายใจด้วยตัวเองไม่ได้
วันนี้ (21 ม.ค.) ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทย์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยอาการล่าสุดของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร หลังพบการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินหายใจทำให้มีไข้ขึ้นว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเรื่องการอักเสบของปอดตอนนี้ให้ยาอยู่ ตอนนี้ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเต็มที่ จำเป็นต้องให้ยาให้นายวีระศักดิ์หลับเต็มที่เพื่อคลายกล้ามเนื้อ จะได้ไม่ต้านกับเครื่องช่วยหายใจ เพราะฉะนั้น ยาที่ให้ไปจะมีผลต่อทางเดินอาหารทำให้การทำงานของลำไส้ช้าลง อาหารบางส่วนต้องให้ทางเส้นเลือดเพิ่มเติม ยังไม่มีข้อบ่งชี้ว่าการติดเชื้อคุมไม่อยู่ น่าจะสามารถคุมเชื้อได้ ยังไม่มีหลักฐานว่าเชื้อเพิ่มขึ้นไปที่อื่น ส่วนชีพจรความดันดีหมด ไม่ได้ให้ยาช่วยความดันหรือกระตุ้นหัวใจใดๆ
ปัญหาใหญ่คือ เรื่องการติดเชื้อและการทำงานของปอด สิ่งที่กำลังคิดอยู่ตอนนี้ก็คือ การทำงานของปอดที่เหลือ จะเพียงพอหรือไม่ถ้าไม่ใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นคำถามที่จะหาคำตอบให้ได้ เพราะก่อนหน้านั้นที่จะเอาเครื่องช่วยหายใจออก หลังจากที่นอนหงายได้ดี พอเตรียมค่อยๆ ลดลงก็เหนื่อย ตอนนี้เกิดคำถามขึ้นมาว่าตกลงจริงๆ เนื้อปอด ถ้าตราบใดที่ยังใช้เครื่องช่วยหายใจ ไม่มีปัญหา ออกซิเจนในเลือดดีแน่ แต่ถ้าสมมติเราจะถอดเครื่องช่วยหายใจ คำตอบคือตกลงปอดที่เหลือไหวไหม เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะใช้เครื่องช่วยหายใจที่บ้าน กำลังจะหาว่าเราจะประเมินในส่วนนี้อย่างไร ถ้าไม่ได้จะจัดการอย่างไรต่อ ตอนนี้กำลังเป็นโจทย์ที่เราจะพิจารณาเรื่องนี้เพิ่มเติมไปจากที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า นายวีระศักดิ์ยังมีสติรับรู้ดีหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า เนื่องจากตอนนี้ฉีดยาให้หลับ ถ้าไม่หลับตื่นมาก็รู้ ตอนนี้ฉีดยาให้หลับทั้งหมดเพราะว่าไม่ต้องการให้ต้านเครื่องช่วยหายใจ ปกติถ้าบางคนรู้ตัวก็จะต้านหรือรำคาญท่อที่อยู่ในคอก็จะพยายามดิ้นเดี๋ยวยุ่ง เพราะฉะนั้น โดยหลักทั่วไปตอนนี้เราฉีดยาให้หลับและคลายกล้ามเนื้อเพื่อที่จะให้ใช้เครื่องช่วยหายใจได้เต็มที่ เชื่อว่าถ้าถอยยาเมื่อไหร่ นายวีระศักดิ์ก็จะค่อยๆ กลับมารู้ตัว เมื่อถามว่าเทียบกับเมื่อวานนี้อาการดีขึ้นหรือแย่ลง ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า จะเรียกว่าใกล้เคียงเดิมหรือดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยตรงที่เราไม่ต้องให้ยาความดันหรือหัวใจใดๆ เรื่องหัวใจ หลอดเลือด ชีพจรต่างๆ อยู่ได้ด้วยตัวเองตามปกติ
เมื่อถามว่า นายวีระศักดิ์ไม่ได้ต้านยาปฏิชีวนะหรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ปกติการต้านยาปฏิชีวนะอยู่ที่ตัวเชื้อโรค เวลาให้ยาปฏิชีวนะไปเราอยากจะรู้ว่าคุมเชื้อได้หรือไม่ ในห้องทดลองตอนนี้บอกว่าเชื้อตัวนี้เอาอยู่จากยาตัวนี้ พอเข้าไปในคนก็จะติดตาม วิธีว่าจะคุมอยู่หรือไม่อยู่ เช่น มีไข้เกิดขึ้นหรือไม่ การทำงานของอวัยวะต่างๆ แย่ลงหรือไม่ ถ้าคุมไม่อยู่เชื้อจะลามต่อเข้ากระแสเลือด อวัยวะอื่นก็จะกระทบด้วย แต่ตอนนี้ไม่มีข้อบ่งชี้แบบนั้น เพราะฉะนั้นถ้าถามโดยอาการทางคลินิก ถือว่าตอนนี้ยาคุมเชื้อได้อยู่ แต่เราอยากจัดการให้เร็ว เพราะไม่อยากให้เชื้อโรคพัฒนาตัวเองให้ดื้อยาได้เหมือนกัน ให้เป็นไข้ไปนานๆ แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานแบบนั้น
เมื่อถามว่า ต้องให้ยาปฏิชีวนะถึงเมื่อไห่รจึงจะดีขึ้น ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ส่วนใหญ่อาการติดเชื้อในปอดไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์แน่นอน ก็ต้องดูจากตัวอาการ เช่น ถ้ามีไข้กลับมาแสดงว่าไม่ได้ผล ถ้ามีไข้จากอย่างอื่นก็จะเอกซเรย์ปอดด้วยว่าปอดเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะฉะนั้นห้องไอซียูทำสิ่งเหล่านี้ได้อยู่ตลอด ถ้าสมมติว่ายกตัวอย่างเช่น ไข้ไม่ขึ้น เอกซเรย์ปอด ปอดเริ่มชัดเจนขึ้น แสดงว่าอาการอักเสบเริ่มดีขึ้น แล้วเราสามารถนำเสมหะไปตรวจอยู่เป็นระยะว่ายังมีเชื้ออยู่หรือเปล่า ต้องอาศัย 3-4 อย่างนี้ประกอบกัน ก่อนที่จะตัดสินใจให้ยาปฏิชีวนะ
เมื่อถามว่า เท่ากับว่าอาการนายวีระศักดิ์มีปัญหาแค่เรื่องปอดที่เป็นห่วง ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า เรื่องปอดและเรื่องการติดเชื้อ เรื่องปอดหมายความว่าเนื้อปอดตอนนี้เป็นอย่างไร กับการติดเชื้อ ตอนนี้การติดเชื้อสำคัญคือระบบทางเดินหายใจก็คือปอด
เมื่อถามว่า จะดูจากการเอกซเรย์หรือการรับออกซิเจน ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ตอนนี้นอนหงายอยู่ เครื่องช่วยหายใจก็ยังใช้อยู่ ระหว่างนั้นระดับออกซิเจนในเลือดก็ยังดีอยู่ แต่คำถามคือ ย้อนหลังกลับไปเมื่อนอนคว่ำเสร็จกลับมานอนหงายได้ แสดงว่าเนื้อปอดบางส่วนยังดีอยู่ พอนอนหงายแล้วออกซิเจนกลับมาได้ดี แต่ก็หวังว่าถ้าปอดดีอยู่เอาเครื่องช่วยหายใจออกได้ คนปกติถ้าไม่ได้ใช้เครื่องช่วยหายใจ เราหายใจได้เอง แต่ปรากฏว่าพอมองย้อนหลัง ทุกครั้งที่เราลองนอนหงาย 72 ชั่วโมง พอจะถอนเครื่องช่วยหายใจ ปรากฏว่าเหนื่อย ต้องกลับมาใช้เครื่องช่วยหายใจ แสดงว่าที่ยังอยู่เพราะเครื่องช่วยหายใจตีลมเข้าไป แล้วทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนออกซิเจน ขณะนี้มาถึงสถานการณ์เนื้อปอดจะเพียงพอกับการหายใจด้วยตัวเองได้หรือไม่ ยังไม่มีคำตอบ แต่จะเร่งหาคำตอบในเร็ววัน เพื่อประกอบการรักษาต่อไป ตอนนี้การทำงานของปอดที่แย่ลงเพราะจากการติดเชื้อ ถ้าจัดการการติดเชื้อเสร็จจะดูว่าเพียงพอหรือไม่เพียงพอ