นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ออกมาระบุสาเหตุที่ฝุ่น PM 2.5 มักมีค่าเกินมาตรฐานในช่วงเดือนธันวาคม เป็นผลมาจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิผกผัน ทำให้ฝุ่น PM 2.5 ไม่สามารถลอยไปที่อื่นได้ ระบุ ต้องยอมรับเราอยู่กับฝุ่น PM 2.5 มานานแล้ว อย่าวิตกกังวลมากเกินไป
วันนี้ (19 ม.ค.) เฟซบุ๊ก “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นหัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์ข้อความเผยถึงสาเหตุที่ฝุ่นพิษ PM 2.5 มักมีค่าสูงกว่ามาตรฐานในช่วงเดือนธันวาคม ซึ่งได้สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ โดย “หมอมนูญ” ได้ระบุข้อความว่า
“ดูกราฟปริมาณฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย้อนหลังไปถึง พ.ศ. 2554 ตั้งแต่เริ่มมีการวัดค่าฝุ่น PM 2.5 จะเห็นค่าฝุ่น PM 2.5 อยู่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานตั้งแต่เดือนเมษายนถึงพฤศจิกายน และสูงกว่าค่ามาตรฐานเดือนธันวาคมถึงมีนาคมทุกปี กราฟนี้แสดงให้เห็นค่าฝุ่นแต่ละปีไม่ได้แย่ลง ถึงแม้แหล่งกำเนิดจะปล่อยฝุ่น PM 2.5 เพิ่มขึ้น จากจำนวนรถยนต์ที่วิ่งใน กทม.เพิ่มมากขึ้น และการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมาเป็นที่ทราบกันดีว่ารถยนต์โดยเฉพาะรถใช้น้ำมันดีเซลเป็นสาเหตุหลักของแหล่งกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 มากกว่า 70%
ทำไมค่าฝุ่น PM 2.5 ถึงได้ขึ้นสูงกว่ามาตรฐานเฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม ทั้งๆ ที่รถยนต์ก็วิ่งใน กทม.ตลอดปี ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่าเกิดจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงช่วง 4 เดือนนี้ มีอุณหภูมิผกผันทำให้ฝุ่น PM 2.5 ไม่สามารถลอยไปที่อื่นได้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เนื่องจากมีการระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 2 มีคำแนะนำให้คนอยู่บ้าน ทำงานที่บ้าน งดเดินทาง ทำให้จำนวนรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนใน กทม.ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมากถึงร้อยละ 70 แต่สวนทางกับค่าฝุ่น PM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ใน กทม.(ดูรูป) แสดงว่า สภาพภูมิอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด สำคัญกว่าควันพิษจากท่อไอเสียรถยนต์ ในการทำให้ค่าฝุ่น PM 2.5 สูงกว่ามาตรฐาน และอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์
เราต้องยอมรับเราอยู่กับฝุ่น PM 2.5 ซึ่งมีมานานแล้ว อย่าวิตกกังวลมากเกินไป ค่าฝุ่น PM 2.5 ขึ้นสูงก็ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น การห้ามรถบรรทุกไม่ให้เข้ามาวิ่งใน กทม.ช่วงนี้คงไม่ช่วยเท่าไหร่ ประชาชนก็ยังต้องช่วยกันดูแลสภาพรถยนต์ อย่านำรถที่มีควันดำออกมาวิ่ง พยายามลดการเผาทุกอย่างที่ไม่จำเป็นต่อไป”