xs
xsm
sm
md
lg

#MGRTOP7 : ต้นไม้ของป้อม | "เคนมผง" ยามรณะ | เราชนะแจก 3,500 บิ๊กตู่ยาหอมฉีดวัคซีนโควิด มิ.ย.นี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รวบตึงทุกเรื่องราว คัดข่าวเด็ด เบ็ดเสร็จในที่เดียว ... MGR Online ขอนำเสนอ “Top 7 ข่าวฮอตในรอบ 7 วัน” สรุปข่าวเด่น ประเด็นฮอตที่พลาดไม่ได้ เป็นประจำทาง mgronline.com และเฟซบุ๊ก MGR Online Live แฮชแท็ก #MGROnline #MGRTOP7

(สรุปข่าวประจำวันที่ 11-17 ม.ค. 2567)


อันดับ 1 : ต้นไม้ของป้อม! ชาวเน็ตแฉป่าห้วยตึงเฒ่ากับ "ท่านประวิตร" กล้าไม้แห้งตาย แต่ป่าไม้อ้าง "แค่ผลัดใบ"

ใครที่ยังจำได้กรณี "ฌอน บูรณะหิรัญ" ไลฟ์โค้ชและเน็ตไอดอลชื่อดังไปปลูกต้นไม้ร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ห้วยตึงเฒ่า ต.ดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2563 แล้วถูกแฉเรื่องเงินบริจาค ผ่านมาครึ่งปีพบว่าเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “Tee Hit” โพสต์ภาพกล้าไม้เหี่ยวตาย พร้อมข้อความระบุว่า “ฌอน นายจำได้ไหม ป่าที่นายเคยมาปลูก ต้นไม้ที่นายเคยปลูกก็ยังไม่มีใบงอกมาสักใบเลย ผ่านไปเป็นปีแล้ว นายกลับมาดูแลบ้าง” ภาพดังกล่าวถูกแชร์จำนวนมหาศาล พร้อมกับวิจารณ์ถึงงบประมาณการจัดอีเวนต์ปลูกป่า 23 ล้านบาท หายวับไปกับตา

หลังดรามาครุกรุ่น ผู้บริหารสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) นำเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ทันที ก่อนชี้แจงว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้โดย พล.อ.ประวิตร พร้อมบุคคลสำคัญ 47 ต้น และที่ปลูกเสริมเพิ่มเติมรวม 60 ต้น ไม่ได้ตายหมด เป็นเพียงผลัดใบในช่วงเข้าสู่ฤดูแล้งเท่านั้น โดยเฉพาะต้นตะเคียนทองของ พล.อ.ประวิตร และต้นไม้ที่บุคคลสำคัญร่วมกันปลูกยังอยู่ครบ ส่วนบางต้นที่ตายมีอัตราการรอดสูงกว่า 80% และจะทำการปลูกเพิ่ม หลังจากนี้เตรียมจัดเจ้าหน้าที่เพิ่มความถี่ในการดูแลมากขึ้น พร้อมชี้แจงว่า ฌอนเป็นเพียงผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรมเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนร่วมจัดหรือดำเนินการแต่อย่างใด


อันดับ 2 : "เคนมผง" ยามรณะ! ฤทธิ์แรงและเร็ว ดมแล้วตายราวกับใบไม้ร่วง ผงะผสมสารไดอะซีแพมถึง 20 เท่า

เกิดเหตุการณ์ประหลาดที่ผู้คนตายเป็นเบือเพราะยาเสพติดเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. เป็นต้นมา มีผู้ใช้ยาเสพติดเกินขนาดเสียชีวิตรวม 10 ราย หลังเสพยาที่เรียกว่า “เคนมผง” ลักษณะเป็นผงสีขาวคล้ายนมผงทารก ใช้สูดดม มีฤทธิ์แรงและเร็ว คาดว่าผสมยาเสพติดหลายชนิดนำมาบดละเอียดเพื่อลดต้นทุน ก่อนจะนำมาขายในหมู่วัยรุ่นในราคา 400-600 บาท ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) นำสารมาพิสูจน์พบว่าเกือบ 100% เป็นสารไดอะซีแพม ในปริมาณเกินกว่าที่มนุษย์รับได้ถึง 20 เท่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีสูตรยาเสพติดที่ชื่อ "ทะเลทราย" ที่อ้างว่าแรงกว่าเคนมผงอีกด้วย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ต้องลงมาดูคดีด้วยตัวเอง ตำรวจสืบทราบว่าแหล่งที่มาน่าจะมาจากพื้นที่ จ.ปทุมธานี ก่อนที่จะรวบตัวผู้ค้าย่านสายไหม และคนที่นำยาเคนมผงมาให้พริตตี้สาวสถานบันเทิงย่านพระราม 3 เสพแล้วเสียชีวิต กระทั่งศาลอาญากรุงเทพใต้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา 4 ราย และยังจับตา "แก๊งมิกาโดะ" เป็นแก๊งแข่งรถอยู่แถวตลาดรวมโชค จันทรเกษม สายไหม บางเขน ที่คาดว่ามีความเชื่อมโยง แต่ล่าสุดตำรวจเตรียมออกหมายจับขบวนการค้าเคนมผงในพื้นที่ สน.โชคชัย 4 คน แต่พยานหลักฐานยังไม่เพียงพอเชื่อมโยงกับแก๊งมิคาโดะ จึงยังไม่สามารถออกหมายจับสมาชิกแก๊งได้


อันดับ 3 : สัปดาห์เดียวติดโควิด-19 พุ่งนับพัน นายกฯ ยาหอมพร้อมให้คนไทย 13 ล้านฉีดวัคซีน มิ.ย.นี้

สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย สัปดาห์ที่ผ่านมานับเฉพาะวันที่ 10-17 ม.ค. มีผู้ป่วยรายใหม่รวมกันสูงถึง 2,001 ราย เสียชีวิต 3 ราย ได้แก่ รายที่ 68 ชายอังกฤษวัย 71 ปี มีโรคเบาหวาน ไทรอยด์ มะเร็งปอด, รายที่ 69 ชายไทยวัย 53 ปี มีโรคเบาหวาน มีประวัติเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงสูงเข้มงวด และรายที่ 70 ชายไทยวัย 67 ปี มีประวัติไปสถานบันเทิง ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสม 12,054 ราย ยังรักษาตัว 2,969 ราย เสียชีวิตสะสม 70 ราย ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่จังหวัดสมุทรสาคร 1,418 ราย จากการค้นหาเชิงรุก แต่สถานการณ์ในกรุงเทพมหานครยังน่าห่วง ขอให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกคนกักตัวอย่างเคร่งครัด

ส่วนสถานการณ์ที่น่าสนใจพบว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ม.ค. เห็นชอบโครงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ เช่น โครงการเราชนะ แจกเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบคนละ 3,500 บาท 2 เดือน ลดค่าไฟฟ้า 2 เดือน ลดค่าน้ำประปา และเตรียมเสนอโครงการคนละครึ่งรอบเก็บตก 1 ล้านรายวันที่ 20 ม.ค. ส่วนเรื่องวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่า วัคซีนแอสตราเซเนกาลอตแรกพร้อมฉีดในเดือน มิ.ย.สั่งจองแล้ว 26 ล้านโดส ฉีดให้กลุ่มเสี่ยง 13 ล้านคน และได้ขอซื้อเพิ่มเติมอีก 35 ล้านโดส ส่วนกระทรวงสาธารณสุขสั่งซื้อวัคซีนของซิโนแวค ประเทศจีนอีก 2 ล้านโดส จะมาถึงไทยในช่วงเดือน ก.พ.


อันดับ 4 : อย่านะคะอย่านะคะ! กอ.รมน.ถูกแฉโซลาร์เซลล์อมก๋อย 45 ล้าน โต้ราคามาตรฐานกรมบัญชีกลาง

กรณีคลิปไวรัล "พิมรี่พาย" น.ส.พิมพ์พรรณ สรัลรัชญ์ เน็ตไอดอล และแม่ค้าออนไลน์ นำเงิน 550,000 บาทไปซื้อทีวี ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ และสร้างแปลงผักให้แก่เด็กๆ ที่หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ เพื่อเป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติยังไม่จบ ปรากฎว่าเฟซบุ๊กเพจที่ต่อต้านรัฐบาลเผยแพร่เอกสาร 1 หน้า โครงการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ภาค 3 (กอ.รมน.ภาค 3) จำนวน 45,100,000 บาท ทำให้ชาวเน็ตโจมตีว่าแพงกว่าของพิมรี่พาย ตั้งข้อสังเกตว่ามีนอกมีในหรือไม่

พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษก กอ.รมน. ชี้แจงว่า เป็นโครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยเซลล์แสงอาทิตย์ 215 กิโลวัตต์ พร้อมติดตั้งโครงข่ายไฟฟ้าชุมชน 5 แห่ง คือ บ้านพะอัน บ้านจกปก บ้านห้วยไก่ป่า บ้านมูเซอหลังเมือง และศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาความมั่นคง อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ยืนยันว่าเป็นราคามาตรฐานกรมบัญชีกลาง ที่สูงกว่าเพราะมีอุปกรณ์ส่วนควบ และที่ไม่ทำในหมู่บ้านแม่เกิบเพราะอยู่ไกลจาก 4 หมู่บ้านในกลุ่มเดียวกัน หากไม่มีกรณีที่เกิดขึ้น ทาง กอ.รมน.ก็จะทำแผนให้อยู่แล้ว เพราะเป็นพื้นที่ทุรกันดาร และไม่มีไฟฟ้าใช้ หากใครต้องการลงพื้นที่ไปตรวจสอบ กอ.รมน.ภาค 3 ยินดีให้ความร่วมมือ


อันดับ 5 : เป็นอันสลบ! "นุ๊ก สุทธิดา" ปล่อยเช่าบ้านหรู เจอเป็นแหล่งมั่วสุม ดัดแปลงโรงงานผลิตถุงมือยางเถื่อน

เรียกได้ว่างานเข้าเลยทีเดียวสำหรับนักร้องสาวในตำนาน "นุ๊ก สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา" เมื่อวันที่ 13 ม.ค. ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผูบริโภค (บก.ปคบ.) และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขยายผลตรวจค้นบ้านทรงยุโรป 3 ชั้นในซอยลาดพร้าว 126 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพฯ รวบตัวนายอธิป ชุมพล อายุ 25 ปี พบเครื่องซักผ้า กล่องกระดาษ ถุงมือยางย้อมสีแล้ว และสีย้อมจำนวนมาก โดยพบว่าก่อนหน้านี้ ตำรวจ สน.วังทองหลาง จับกุมแรงงาน 11 ราย เสพยาเสพติดในบ้านหลังดังกล่าว และพบว่าเป็นคนงานให้กับนายอธิป

ด้านนุ๊ก สุทธิดา เปิดเผยว่า ผู้เช่ารายนี้ได้เช่าบ้านตน โดยใช้ชื่อแม่ตัวเองเป็นผู้ทำสัญญาเช่าผ่านบริษัทเอเยนต์ มีกำหนดระยะเวลา 2 ปี เริ่มเช่ามาแล้ว 3 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 แต่ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าล่าช้าทุกเดือน อีกทั้งยังมีค่าน้ำค่าไฟรวมอีกเดือนละ 8 หมื่นบาท จึงผิดสังเกต เมื่อไปตรวจสอบก็พบความเสียหายกับตัวบ้านและเฟอร์นิเจอร์รวมมูลค่าหลักล้านบาท และยังใช้บ้านประกอบกิจการผิดกฎหมายนอกเหนือจากที่สัญญาเช่าระบุไว้ โดยหลังเกิดเรื่อง ผู้เช่าก็ยังไม่ได้ติดต่อเข้ามา จากนี้คงต้องไปไกล่เกลี่ยที่ศาลเพราะเป็นคดีแพ่ง และตนยืนยันจะสู้ให้ถึงที่สุด


อันดับ 6 : "ลุงพล" เปี๋ยนไป๋! ไม่คุยสื่อหลักหลังเข้าเครื่องจับเท็จ ยูทูปเบอร์ปักหลักตามติดชีวิต 40 สำนัก

ต่อเนื่องจากปีที่แล้วสำหรับคดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงชมพู่ แห่งบ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ประเดิมศักราชใหม่ด้วยการเชิญตัวชาวบ้านเข้าเครื่องจับเท็จ หนึ่งในนั้นคือ "ลุงพล" นายไชยพล วิภา และ "ป้าแต๋น" นางสมพร หลาบโพธิ์ สองสามีภรรยาเข้าเครื่องจับเท็จที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 จ.ปทุมธานี เมื่อเช้าวันที่ 8 ม.ค. ยาวนาน 11 ชั่วโมง ตามมาด้วยดรามาผู้สื่อข่าวทีวีดิจิทัลชื่อดังจะขอเข้าไปสัมภาษณ์ลุงพล ปรากฎว่ากลุ่มยูทูปเบอร์กว่า 10 ช่องเข้าขัดขวาง บอกว่าลุงพลงดให้สัมภาษณ์สื่อ 2 เดือน ทำให้ "หมอปลา" นายจีรพันธ์ เพชรขาว ถึงกับถามว่า ลุงพลคนน่ารักคนนั้นหายไปไหน

อีกด้านหนึ่งพบว่ากลุ่มยูทูปเบอร์ 30-40 สำนัก เข้ามานำเสนอเรื่องราวในบ้านกกกอก เกาะติดชีวิตความเป็นอยู่ของ “ลุงพล-ป้าแต๋น” ที่มีแฟนคลับจำนวนมาก เน้นทำคลิปและไลฟ์สด สร้างรายได้เดือนละนับหมื่นบาท แถมมีเจ้าของผลิตภัณฑ์และแฟนคลับกระเป๋าหนักออกค่าใช้จ่ายให้ด้วย บางรายเอาเต็นท์สนามมากาง บางรายเช่าบ้านเป็นหลังตกเดือนละ 3,000 บาท ชาวบ้านหัวใสสร้างเป็นบ้านชั่วคราวเหมือนโฮมสเตย์ แถมติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ แผงขายอาหารตามสั่ง และร้านขายของชำ แต่ก็มีชาวบ้านส่วนหนึ่งเรียกร้องให้ยูทูปเบอร์ออกจากหมู่บ้าน เพราะรบกวนความเป็นส่วนตัว


อันดับ 7 : พ่อแม่สุดช้ำ! ขึ้นป้ายใหญ่แฉลูกชาย-สะใภ้เนรคุณ เรียกเก็บค่าเช่าปั๊ม ปตท.ลานสักที่สร้างมากับมือ

กลายเป็นที่ฮือฮาในโซเชียล เมื่อปั๊ม ปตท.สาขาลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ตั้งป้ายข้อความว่า “ความยุติธรรมมีจริง ที่ดินและปั๊ม ปตท.ลานสัก เป็นของนายจิว-นางน้อย (พ่อ-แม่) ลูกเนรคุณ-สะใภ้ ไม่มีสิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น” กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงศึกสายเลือดในครั้งนี้ นายจิว เฮนคุง อายุ 84 ปี กล่าวว่า ตนเปิดปั๊มน้ำมันแห่งนี้มาตั้งแต่ปี 2522 หรือ 42 ปีก่อน แต่เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ตนได้ยกทรัพย์สินให้แก่ลูกทั้ง 3 คนจนหมด ที่ดินพร้อมปั๊มน้ำมันแห่งนี้ได้ยกให้ลูกชายคนโต แต่ตนก็ยังอาศัยอยู่และดูแลปั๊มน้ำมันแห่งนี้มาตลอด กระทั่งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมามีหนังสือให้จ่ายค่าเช่า 9 แสนบาท ไม่เช่นนั้นจะไล่ออกทันที

เมื่อติดต่อลูกชายคนโตก็ติดต่อไม่ได้ ภายหลังทราบว่าได้โอนที่ดินตรงนี้ให้ภรรยาตัวเองไปแล้ว และปัจจุบันยังอยู่ด้วยกัน หากปล่อยเรื่องไว้ก็จะกลายเป็นคนหมดตัว จึงฟ้องศาลขอทรัพย์สินคืน ศาลชั้นต้นตัดสินให้ตนเป็นฝ่ายชนะ แต่ลูกสะใภ้ขอยื่นอุทธรณ์ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทำกับพ่อแบบนี้ ที่ผ่านมาตั้งแต่ยกทรัพย์สินให้ลูกชายก็ไม่เคยมาดูแลเลี้ยงดูพ่อแม่เลย พยายามโทรศัพท์ติดต่อพูดคุยแต่ก็ไม่รับสาย อีกทั้งก่อนที่จะยกทรัพย์สินมีข้อตกลงว่าต้องจ่ายค่าเลี้ยงดู แต่ลูกชายคนโตและลูกคนรองไม่เคยจ่ายค่าเลี้ยงดูเลย จึงตัดสินใจตั้งป้ายใส่รูปภาพตัวเองพร้อมภรรยา เพื่อปกป้องตัวเองและพนักงานทุกคนในปั๊ม


กำลังโหลดความคิดเห็น