“สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” แบไต๋แบรนด์ “ท็อปทีวี” ปั้น 7 อดีตผู้ประกาศเนชั่นที่ลาออกไป แจงไขก๊อกจากค่ายบางนา เพราะอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ไม่เคยพูดสักคำว่าจะแถลงข่าวหรือออนแอร์ ปัดรับเงินรัฐบาล แต่ใช้ “ลุงตู่” เป็นหัวหอกโจมตีขบวนการล้มล้างสถาบันฯ โวมีเครดิตพอกู้แบงก์ทำทีวี ลั่น ม.ค.นี้ได้ดูแน่นอน พบใช้ตึกชื่นฤทัยในธรรม ย่านนนทบุรี เตรียมงานคึกคัก
วันนี้ (16 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งว่า ทีมผู้ประกาศข่าวคนหนึ่งของนายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม ผู้ก่อตั้งสถาบันทิศทางไทย ได้โปรโมตเพจที่ชื่อว่า TOP News LIVE ซึ่งเป็นแบรนด์ที่คาดว่าจะเป็นแบรนด์รายการข่าว ที่จะใช้กับผู้ประกาศข่าวชุดที่ลาออกจากช่องเนชั่นทีวีเดิม นำโดย นายสนธิญาณ ร่วมด้วย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์, นายสันติสุข มะโรงศรี, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายกนก รัตน์วงศ์สกุล, นายธีระ ธัญไพบูลย์, น.ส.อุบลวรรณ เถาว์น้อย และ นายสถาพร เกื้อสกุล เป็นต้น
ต่อมา นายสนธิญาณ กล่าวในรายการ “สนธิญาณ ชัด ครบ จบ จริง” ทางยูทูปสถาบันทิศทางไทย พูดถึงการลาออกจากเครือเนชั่น และการดำเนินการกับทีวีช่องใหม่ กล่าวว่า ที่ไม่พูดตลอดมาไม่ใช่ว่ากลัวหรือไม่มีทางไป แต่ถือคติ “เสือไม่เห่า” เข้าไปที่เนชั่นทีวี เพราะถูกกราบกรานขอร้องให้เข้าไปช่วยบริหาร ช่วยแก้วิกฤต โดยเอาเงินที่ขายกิจการ 30 ล้านบาทไปลงทุนด้วย แต่วันนี้ยังค้างชำระ 15 ล้านบาท ไปเริ่มทำในบริษัทที่ขาดทุนสะสมเป็นพันล้านบาท ปีก่อนหน้าที่ตนเข้าไปขาดทุนอยู่ราว 200 ล้านบาท จนสามารถกลับมามีกำไรปริ่มน้ำได้ ในขณะที่ทีวีช่องอื่นประสบการณ์ขาดทุน ต้องเอาพนักงานออกหรือเลิกปิดกิจการไป แต่ที่เนชั่นทีวีแจกโบนัส
“วันที่ลาออกมาไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร แต่มีปัญหาความคิดในเชิงอุดมการณ์ ไม่พูดว่าใครถูกใครผิด แต่ในชีวิตการทำข่าวสารที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ 30 กว่าปี เกือบ 40 ปี ยืนหยัดในหลักการข้อหนึ่ง ก็คือ การนำเสนอความจริง ที่สำคัญ ภาคภูมิใจตลอดมาในการเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยรักษาประเทศชาตินี้เอาไว้ให้พ้นจากคนที่คิดทำลายชาติบ้านเมือง การทำงานที่เนชั่นทีวีโดยมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่ชักชวนกันมา รวมทั้งคนที่อยู่เก่า ผลักดันจนได้รับความนิยมจากประชาชน ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค” นายสนธิญาณ กล่าว
นายสนธิญาณ กล่าวว่า ชีวิตตนทำข่าวมาประสบความสำเร็จในทุกที่ เป็นคนคิดค้น เป็นคนเริ่มต้นกระบวนการจะพัฒนาข่าวสารในประเทศนี้มานับตั้งแต่เปิดคลื่นข่าว 24 ชั่วโมงเป็นเจ้าแรก ทำคลื่นข่าวชุมชนร่วมด้วยช่วยกัน เป็นเจ้าแรกจนต่างชาติ นานาชาติต้องมาดูงาน ทำข่าว SMS ร่วมกับบริษัท เอไอเอส เป็นคนแรกของโลก จนบริษัทที่สังกัดอยู่มีรายได้เป็นพันล้านบาท ทำทีวีดาวเทียม ทีนิวส์ทีวี ก็เรตติ้งเป็นอันดับ 1 ของทีวีช่องข่าว เงินทองไหลมาเทมา สร้างตึกของตัวเองได้ 20-30 ล้านบาท โดยใช้เงินกำไรเพียงปี-สองปีที่ทำงาน
“ดังนั้น ความสำเร็จที่เนชั่นทีวี จึงไม่ใช่ความฟลุ๊ค เป็นการสร้างสมจากประสบการณ์การทำงานข่าวสาร และธุรกิจทางด้านข่าวสารมาอย่างยาวนาน ลาออกมาเพราะอุดมการณ์ไม่ตรงกัน ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่ผมทำถูก และสิ่งที่กำลังทำอยู่ในปัจจุบันนั้นผิด เพราะไม่ว่าผมจะพูดอะไรออกไป ความจริงมันก็จะเป็นความจริง ซึ่งจะปรากฎขึ้นในอนาคตข้างหน้า และจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนข้างหลังจดจำ ดังนั้นอนาคตข้างหน้าจะเป็นเรื่องชี้ขาด” นายสนธิญาณ กล่าว
นายสนธิญาณ กล่าวว่า ที่มีข่าวว่าตนจะแถลงข่าววันที่ 16 ธ.ค. และจะออกอากาศวันที่ 21 ธ.ค. ตนไม่เคยพูดสักคำ เพื่อนฝูง คนรู้จัก ผู้ที่ห่วงใยมากมายไต่ถามมา ตนบอกดูเนื้อข่าวให้ดี ตนยังไม่พูด ไปเอาที่ไหนมารายงานข่าวมา แต่วันนี้ตนพูดเอง ตัวจริงเสียงจริง สนธิญาณ ความพยายามใดๆ ในการที่จะออกข่าวทั้งในเชิงบวกจากผู้ปรารถนาดี และในเชิงลบเพื่อที่จะบั่นทอนหรือทำลายความน่าเชื่อถือของทีมงานทั้งหมด ตนขอเรียนว่าเป็นความพยายามที่สูญเปล่า เพราะคนที่จะตัดสินใจคือผู้ชม และประชาชนคนไทย ปล่อยข่าวเรื่องตนไปเอาเงินจากรัฐบาล เอาเงินมาจากผู้มีอำนาจ ก็มีสิทธิจะพูดได้ เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนว่าการนำเสนอข่าวของเนชั่นทีวีในยุคตนเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่ปฏิเสธพร้อมกับให้กลับไปดูข่าวสารให้ดี
“เราต่อสู้กับคนที่ต้องการเข้ามาทำลายชาติบ้านเมือง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง เพื่อตอบสนองอำนาจที่ตัวเองอยากจะได้กลับมา เราต่อสู้กับคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ นั่นคือ เหตุผลที่ต้องเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เป็นหัวหอกในการต่อสู้กับคนชั่วที่คิดทำลายชาติบ้านเมือง แต่ในขณะเดียวกัน เนชั่นทีวีในขณะนั้นก็ตรวจสอบโครงการทุจริตต่างๆ มากมายชัดเจน คนที่ติดตามดูย่อมเห็นได้และประจักษ์ชัดในการทำงาน รายได้ที่เข้ามาที่เนชั่นทีวี เป็นรายได้ที่มาจากการขายโฆษณาปกติ ยอดขาย 40 ล้านบาท มาจากราชการเพียงแค่ 1-2 ล้านบาท ชีวิตผมรู้จักกับนักการเมืองมากมาย ปะทะกับนักการเมืองทุกคน กับผู้มีอำนาจมาแล้วทุกคน เพราะผมไม่เคยไปขอเงินใคร แม้แต่เงินโฆษณา เพราะผมมั่นใจในสิ่งที่ผมทำ ผมมั่นใจในความสำเร็จที่ประชาชนยอมรับ และธุรกิจโฆษณาต้องเข้ามาสนับสนุน
ส่วนเงินที่จะจัดตั้งและดำเนินการธุรกิจทีวีต่อไปในอนาคตข้างหน้า อย่าลืมว่าผมเคยเป็นเจ้าของคอมมูนิตีมอลล์ เคยเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม สร้างตึกของตัวเองได้จากกำไรในการทำธุรกิจข่าวสาร มีเครดิตพอที่จะกู้แบงก์หรือกองทุนที่จะทำงานต่อไปได้ เดือน ม.ค.นี้ พบกันแน่นอน ทีมงานทุกคนในนาม ท็อปทีวี เดี๋ยวจะมีรายละเอียดตามไป ขอกราบขอบพระคุณคนไทยที่ติดตามรอดูพวกเราอย่างใจจดใจจ่อ เดือน ม.ค. ได้ดูอย่างแน่นอน แล้วเราจะได้ทำหน้าที่ร่วมกันในการรายงานข่าวสารที่เป็นจริง เปิดโปง ตีแผ่ความเลวร้ายของขบวนการทำลายชาติ” นายสนธิญาณ กล่าว
พร้อมกันนี้ เฟซบุ๊กเพจ TOP News LIVE ยังได้โพสต์ภาพเบื้องหลังการทำงานของกองบรรณาธิการ ระบุว่า “ทีมงานพร้อม ใจพร้อม คนพร้อม พบกัน มกราคม 2564” เกิดขึ้นภายในห้องสัมมนา B สถาบันทิศทางไทย อาคารชื่นฤทัยในธรรม ถนนประชาราษฎร์ ต.ตลาดขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นที่ทำการของสำนักข่าวทีนิวส์เดิม โดยสังเกตจากการประชุม มีแก้วกาแฟร้านมูน คอฟฟี่ แอนด์ โรตี (MOON COFFEE AND ROTI) ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวนายสนธิญาณตั้งอยู่ชั้นล่าง และบริเวณชั้นบนสุดยังมีสตูดิโอเล็กๆ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับช่องทางออกอากาศว่าจะไปผลิตรายการที่สถานีโทรทัศน์นิว 18 หรือจะไปผลิตรายการผ่านยูทูป ตามที่ น.ส.อัญชะลี เคยกล่าวไว้ หลังมีกระแสข่าวว่าการเจรจาซื้อกิจการสถานีโทรทัศน์นิว 18 กับนางประภา เหตระกูล ศรีนวลนัด หรือ คุณแดง ทายาทเดลินิวส์รุ่นที่ 2 ยังไม่ลงตัว
อนึ่ง วานนี้ (15 ธ.ค.) นายอดิศักดิ์ ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) ได้เปิดตัวผังรายการใหม่และทีมผู้ประกาศใหม่ สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี นำโดย นายพิภู พุ่มแก้วกล้า ผู้ประกาศข่าวช่องโมโน 29 และสำนักข่าวเดอะ สแตนดาร์ด ซึ่งนายอดิศักดิ์ได้ดึงตัวเข้ามาเป็นบรรณาธิการเนชั่นออนไลน์ และยังได้ดึงผู้ประกาศและผู้ดำเนินรายการหน้าใหม่เข้ามาเสริมทีม อาทิ น.ส.อรการ จิวะเกียรติ, น.ส.กรองบุญ ศรีสรรพกิจ (กิฟท์ ตลกหกฉาก), น.ส.ลลิตา มั่งสูงเนิน, น.ส.อรรินทร์ ยมกกุล, นายชวัลน์ จันทร์ทรัพย์, นายชาญชัย ประทีปวัฒนวงศ์ รวมทั้งยังมีนายชิบ จิตนิยม ที่ลาออกจากช่องนิว 18 มาร่วมงานกับทีมข่าวต่างประเทศเนชั่นทีวี