สหรัฐอเมริกาประกาศรับรองอำนาจอธิปไตยของโมร็อกโก พื้นที่ทั้งหมดของโมร็อกกันซาฮารา ทางตอนใต้ของประเทศ และเตรียมเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เมืองดักลา
เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศในกฤษฎีกาของประธานาธิบดี โดยมีผลบังคับใช้ในทันที เกี่ยวกับการตัดสินใจของสหรัฐอเมริกาในการรับรองสถานะการมีอํานาจอธิปไตยเต็มรูปแบบของราชอาณาจักรโมร็อกโก บนพื้นที่ทั้งหมดของโมร็อกกันซาฮารา (Moroccan Sahara)
ในการนี้ เพื่อเป็นการยืนยันการรับรองสถานะดังกล่าว และถือเป็นการแสดงออกที่เป็นรูปธรรมสิ่งแรกที่มีความสําคัญ นั่นคือ สหรัฐอเมริกาตัดสินใจที่จะเปิดสถานกงสุล ที่เมืองดักลา (Dakhla) ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของสหรัฐอเมริกา ทางด้านเศรษฐกิจ และการพัฒนาสังคม รวมถึงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อยู่อาศัยในจังหวัดทางตอนใต้ของประเทศ
การแสดงจุดยืนของสหรัฐอเมริกาในครั้งนี้ ถือเป็นการเสริมเรื่องโมร็อกกันซาฮารา โดยจะเห็นจากการที่มีการสนับสนุนในเรื่องนี้จากประเทศพันธมิตร รวมถึงการตัดสินใจของหลายประเทศที่จะเปิดสถานกงสุลในจังหวัดต่างๆ ทางตอนใต้ของประเทศ
นับถึงวันนี้ มี 19 ประเทศที่เปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เมืองหลักสองเมืองในบริเวณโมร็อกกันซาฮารา นั่นคือ เมืองลายูน (Laayoune) และ ดักลา (Dakhla) ได้แก่ ประเทศคอโมรอส, กาบอง, เซาตูเมและปรินซิปี, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, โกตดิวัวร์, บุรุนดี, ราชอาณาจักรเอสวาติน, แซมเบีย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, จอร์แดน, บาห์เรน, แกมเบีย, กินี, จิบูตี, ไลบีเรีย, บูร์กินาฟาโซ, กินี-บิสเซา, อิเควทอเรียลกินี, เฮติ
สถานกงสุลใหญ่ของสหรัฐอเมริกาประจําเมืองดักลา จะถือเป็นสถานกงสุลลําดับที่ 20 ที่โมร็อกกันซาฮารา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ปี ค.ศ. 1777 โมร็อกโกถือเป็นประเทศแรกในโลกที่รับรองสถานะของประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่สหรัฐอเมริกาประกาศอิสรภาพ