พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ไปยังบริเวณด้านล่างหน้าศาลหลักเมืองพัทลุง เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯรับเสด็จอย่างเนืองแน่น ซึ่งพสกนิกรต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง โดยมีประชาชนเดินทางมาจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งในจ.พัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง
วันนี้ (28 พ.ย.) เวลา 18.54 น. ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง ณ ศาลหลักเมืองพัทลุง เสร็จแล้ว ประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ ไปยังบริเวณด้านล่างหน้าศาลหลักเมืองพัทลุง เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จอย่างเนืองแน่น ซึ่งพสกนิกรต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ โดยเดินทางมาจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในจังหวัดพัทลุง และจังหวัดใกล้เคียง อย่าง จังหวัดตรัง จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสงขลา เป็นต้น ซึ่งสองมือของประชาชนต่างถือธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. ธงพระนามาภิไธย สท. บางคนก็แนบพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ที่หน้าอกด้วยความสำนึกรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวไทยเสมอมา
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินผ่าน ทุกคนได้ก้มกราบแนบพระบาท เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีจากใจจริง และตลอดสองฝั่งทางราษฎรต่างเปล่งเสียงถวายพระพรดังกึกก้องทั่วดินแดนด้ามขวานทอง
ระหว่างที่ทรงพระดำเนิน พสกนิกรต่างนำสิ่งของประจำพื้นถิ่น อาทิ พระพุทธรูป กระเป๋ากระจูด อันเป็นการนำพืชพื้นถิ่นทางภาคใต้มาจักสานเป็นกระเป๋า จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ จังหวัดพัทลุง เทริด ซึ่งเป็นอุปกรณ์การแต่งกายอย่างหนึ่งของมโนราห์ นับว่าเป็นของสูงศักดิ์ เป็นเกียรติแก่มโนราห์อย่างมาก ฯลฯ มาทูลเกล้า ฯ ถวาย เพื่อเป็นการถวายกำลังใจแด่ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ บางคนได้นำเงินมาทูลเกล้า ฯ ถวายเพื่อทรงใช้โดยเสด็จพระราชกุศล
ตลอดสองเส้นทางที่ทรงพระดำเนิน สายพระเนตรได้ทอดมองมายังพสกนิกรด้วยความรักและความมีพระเมตตาอย่างหาที่สุดมิได้ ทรงโบกพระหัตถ์ แย้มพระสรวล โน้มพระวรกายลงมาทักทายราษฎร นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติแก่พสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้
เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำออกจากศาลหลักเมืองพัทลุง ไปยังท่าอากาศยานตรัง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จ ฯ ไปยังท่าอากาศยานทหารดอนเมือง กรุงเทพมหานคร แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จ ฯ กลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต รวมระยะทางเสด็จ ฯ กว่า 1 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมงเศษ
ในโอกาสนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้กองแพทย์หลวงมาดูแลสุขภาพประชาชนที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ และได้พระราชทานอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นแก่พสกนิกรที่มาเฝ้า ฯ รับเสด็จ สร้างความปลาบปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรในพื้นที่เป็นล้นพ้น
นางแยนะ เจ๊ะสมอเจ้ะ พสกนิกรชาวไทยมุสลิม ซึ่งเธอและเพื่อน ๆ ได้เดินทางมาจากจังหวัดปัตตานี เพื่อมาเฝ้า ฯ รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี กล่าวว่า พอทราบข่าวการเสด็จฯ มาทรงประกอบพิธีเปิดศาลหลักเมืองพัทลุง เธอและเพื่อน ๆ ก็รีบพากันเดินทางมาจับจองพื้นที่เฝ้า ฯ รับเสด็จในทันที ด้วยเพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาชีวิตของเธอผ่านพ้นวิกฤตความโชคร้ายในชีวิตมาได้ก็ด้วยพระบารมีของในหลวง ร.9 และครั้งนี้ในหลวง ร.10 เสด็จ ฯ มาจังหวัดพัทลุง จึงอยากมาเฝ้า ฯ รับเสด็จและชื่นชมพระบารมีอย่างใกล้ชิด
"เมื่อปี พ.ศ.2552 บ้านที่จังหวัดปัตตานี โดนเผาทำลายจนทำให้ตัวเองสิ้นเหรือประดาตัว ต้องอาศัยเต็นท์เป็นที่พักพิงชั่วคราวถึง 1 ปีเต็ม เหมือนชีวิตเริ่มจะดีขึ้น แต่พอมาปี 2553 ลูกชายก็ถูกยิงจนเสียชีวิต ทำให้ชีวิตต้องตกอยู่ในความเศร้าโศกเสียใจอีกครั้ง กระทั่งวันหนึ่งเรามีโอกาสไปลงนามถวายพระพรในหลวง ร.9 ที่โรงพยาบาลศิริราช ทำให้เรามีแรงบันดาลใจที่จะลุกขึ้นมาสู้ชีวิตอีกครั้งหนึ่ง ประกอบกับตัวเราเองก็เคยได้รับทุนการศึกษาพระราชทานมาด้วย จึงอยากจะลุกขึ้นมาสู้กับชีวิตอีกครั้งหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงเคยมีต่อเรา สำหรับเราไม่มีแผ่นดินไหนที่อยู่แล้วมีความสุขเท่ากับแผ่นดินไทย เพราะมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงรักพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ทุกเชื้อชาติ ศาสนา อยู่ร่วมกันได้อย่างสมานฉันท์ปรองดอง"