ต่อมาเมื่อเวลา 19.18 น.ภายหลังเสร็จสิ้นพิธีวางศิลาฤกษ์ และทรงเปิดศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จฯ ออกบริเวณหน้าศาลแขวงฯ ทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จที่บริเวณด้านหน้าศาลแขวงเป็นจำนวนมาก ซึ่งพสกนิกรต่างพร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีเหลือง อันเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ โดยได้เดินทางมาจากพื้นที่ต่างๆ ทั้งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งสองมือของประชาชนต่างถือธงชาติ ธงพระปรมาภิไธย วปร. ธงพระนามาภิไธย สท. บางคนก็แนบพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ที่หน้าอกด้วยความสำนึกรักต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวไทยเสมอมา และเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ทรงพระดำเนินผ่าน ทุกคนได้ก้มกราบแนบพระบาท เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีจากใจจริง และตลอดสองฝั่งทางราษฎรต่างเปล่งเสียงถวายพระพร “ทรงพระเจริญ” “พวกเรารักในหลวง” “อยู่อย่างจงรักตายอย่างภักดี” ดังกึกก้อง ด้วยความปลาบปลื้มซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างใกล้ชิด
แม้สภาพอากาศจะร้อนอบอ้าว พระพักตร์เต็มไปด้วยหยดพระเสโท หากแต่ด้วยพระราชหฤทัยอันตั้งมั่นที่จะทรงพระดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จ ตลอดเส้นทางที่ทรงพระดำเนิน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโบกพระหัตถ์แย้มพระสรวล ทักทายราษฎร พร้อมทั้งทรงโน้มพระวรกายเพื่อทรงมีพระราชปฏิสันธารกับประชาชนอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ดังใจความตอนหนึ่งว่า “เราต้องรักกัน” “ต้องรักษาความดี ความมีเมตตา” นำมาซึ่งความปลาบปลื้มปีติแก่พสกนิกรอย่างหาที่สุดมิได้ เมื่อถึงเวลาอันสมควรจึงประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จ พระราชดำเนินกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต รวมระยะทางที่ทรงพระดำเนิน 700 เมตร ใช้เวลาพระดำเนิน 1 ชั่ว 5 นาที
นางนวม โสภางาม อายุ 90 ปี เดินทางมาจากจังหวัดเลยพร้อมครอบครัวตั้งแต่เมื่อวานนี้ เพื่อมาเฝ้าฯ รับเสด็จในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปเฝ้าฯ รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี อย่างใกล้ชิด เมื่อครั้งเสด็จฯ จังหวัดอุดรธานี และได้รับพระมหากรุณาธิคุณให้จับพระหัตถ์พระราชินี รู้สึกปลาบปลื้มและตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ทั้งนี้พระองค์ยังทรงมีรับสั่งทักทายว่า “สวัสดีค่ะ” ด้วยพระสุรเสียงอ่อนหวาน ในครั้งนี้จึงตั้งใจเดินทางมาเฝ้าฯ รับเสด็จอีกครั้งด้วยความจงรักภักดี
ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานอาหารมื้อกลางวันและมื้อเย็นแก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จฯ สร้างความปลาบปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณแก่ราษฎรในพื้นที่เป็นล้นพ้น