มองต่างมุม คอสเพลย์นักเรียน ม.ปลาย ในการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกว่า “นักเรียนเลว” เพจการเมืองดังจวก ปลอมเป็นนักเรียน ฉีกหน้าประเทศชาติ ใช้ข้อมูลเท็จ หน้าไม่อาย เด็กเลี้ยงแกะ ด้าน “จ่าพิชิต” ชี้มีจริง แต่มักไม่กล้าแจ้งความเพราะอาย แถมมีการยัดเงินปิดคดี วอนทำให้รู้สึกมีที่พึ่ง
วันนี้ (21 พ.ย.) จากกรณีที่กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “นักเรียนเลว” นำโดย น.ส.ธญานี เจริญกุล อายุ 17 ปี จัดการชุมนุมที่ถนนพระราม 1 บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สยาม เพื่อโจมตีกรณีที่ประชุมรัฐสภาโหวตคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับไอลอว์ โดยพบว่ามีสุภาพสตรีรายหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดนักเรียน ถือแผ่นกระดาษพิมพ์ข้อความระบุว่า “หนูถูกครูทำอนาจาร รร.ไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย” แต่ภายหลังชาวเน็ตพบว่าคนที่ถือแผ่นกระดาษดังกล่าวไม่ใช่นักเรียนปัจจุบัน แต่เป็นนางแบบ นักแสดง อินฟลูเอนเซอร์ ที่ชื่อว่า “นลินรัตน์ ตู้ทับทิม” เจ้าของเฟซบุ๊ก “หมวยแมวเมี้ยว” muaymaewmeowww ซึ่งที่ผ่านมาเคยโพสต์ภาพตัวเองในชุดคอสต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นชุดมัธยม ชุดนักเรียนมัธยมญี่ปุ่น ชุดนักเรียนอินเตอร์ ชุดมหาวิทยาลัย ชุดพละ สาวออฟฟิศ ฯลฯ
อ่านประกอบ : เปิดวาร์ปสาวชุดนักเรียนถือป้ายถูกครูทำอนาจารกับสารพัดชุดคอสเพลย์สุดแซ่บ
ผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า “ปราชญ์ สามสี” ซึ่งเป็นเพจการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความ ระบุว่า “การประท้วงที่ม็อบนักเรียนเลวเมื่อเย็นนี้ เห็นว่าผู้หญิงคนนี้อ้างว่าเป็นนักเรียนถูกข่มขืนโดยครู ข้าพเจ้าไม่นิ่งนอนใจถึงกับต้องรีบไปขุดหาประวัติเพื่อที่จะช่วยเหลือน้องเพราะคิดว่า เป็นเรื่องมนุษยธรรม พอค้นหาข้อมูลตามความเป็นจริงว่าน้องเป็นนักเรียนโรงเรียนใด จะได้ไปจัดการประจานครู แต่กลายเป็นว่าน้องไม่ได้เป็นนักเรียนแล้ว แต่เป็นนางแบบและผู้ประกาศข่าวอายุ 21 ปี น้องคนนี้คือคนเดียวกันกับคนที่ใส่ชุดชั้นในประท้วงรอบสยามเมื่อหลายวันก่อน อันนี้ข้าพเจ้าพลาดเองเพราะไม่ทันได้สังเกตหน้า
สรุปคือ “คอสเพลย์นักเรียน ม.ปลาย” และตอนนี้ไม่ได้อยู่โรงเรียนสังกัดใดๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่าการข่มขืนในโรงเรียนเป็นเรื่องอันตรายที่ต้องเข้าไปเยียวยาหากเกิดขึ้นจริง เรื่องนี้ใครได้ยินก็ต้องมองถึงมนุษยธรรมก่อนทั้งนั้น แต่การปลอมเป็นนักเรียนเพียงเพื่อฉีกหน้าประเทศชาติโดยใช้ข้อมูลเท็จนั้นเป็นเรื่องหน้าไม่อาย หลังจากนี้ ม็อบ 3 นิ้วนี้ คงเป็นแค่เด็กเลี้ยงแกะที่ไม่มีใครคนใดสามารถเชื่อได้อีกแล้ว ยอมรับครับ ข้าพเจ้า เบิกเนตรแล้ว คนเลวมันเลวจริงๆ ครับ”
ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ Drama-addict ของนายวิทวัส ศิริประชัย หรือนามแฝง “จ่าพิชิต ขจัดพาลชน” โพสต์ข้อความระบุว่า “จากประเด็นน้องคนนึงที่ไปถือป้ายในการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาวันนี้ เกี่ยวกับประเด็นการถูกทำอนาจารในโรงเรียน เห็นมีคนแชร์ภาพน้องเขาไปเสียดสีแขวะกันเยอะ คือ ต่อให้คุณชอบหรือไม่ชอบการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนนักศึกษา แต่พึงรู้ว่า “โรงเรียนไม่ใช่ที่ปลอดภัย” ที่น้องเขาพูด เป็นข้อเท็จจริง ซึ่งมีข้อมูลเป็นตัวเลขยืนยันจาก นายธีร์ ภวังคนันท์ หัวหน้าศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน (ฉก.ชน.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เกี่ยวกับเหตุการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน มีการรวมสถิติตั้งแต่ช่วงปี 56-60 พบว่า มีการก่อคดีล่วงละเมิดทางเพศกับนักเรียนกว่าเจ็ดร้อยกรณี นี่ยังไม่รวมเคสที่ไม่กล้าแจ้งความไม่กล้าร้องเรียน เพราะอับอายหรือกลัวอิทธิพลอำนาจของคนกระทำที่เราก็ไม่รู้ว่าตัวเลขจริงๆมันเป็นเท่าไหร่กันแน่
และต่อให้ไม่พูดถึงสถิติ จากประสบการณ์ส่วนตัว จ่าเคยขึ้นศาลเป็นพยานคดีครูล่วงละเมิดทางเพศเด็กอายุไม่กี่ขวบจนอวัยวะเพศฉีกขาดติดเชื้อ เพราะจ่าเป็นคนดูแลเคสนี้ทั้งทางการแพทย์และทางนิติเวช อยากบอกว่า ครูที่ล่วงละเมิดทางเพศเด็ก แล้วพยายามยัดเงินให้พ่อแม่เด็กเพื่อปิดคดี แล้วเจ้าหน้าที่ก็บ้าจี้พอที่จะนัดให้พ่อแม่เด็กผู้เสียหาย มาคุยกับคนก่อเหตุเพื่อไกล่เกลี่ยกับครูที่ล่วงละเมิด มีจริง
แต่อย่างไรก็ดี คดีแบบนี้มักมีปัญหาตรงเวลาเกิดเหตุ เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ อาจจะไม่ได้แจ้งความหรือบอกคนใกล้ชิดทันท่วงที จนเวลาผ่านล่วงเลยไป คดีหมดอายุความเอย ร่องรอยหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์หายไปตามกาลเวลา จนไม่สามารถเก็บมาดำเนินคดีได้เอย พวกนี้เป็นปัญหามาก ดังนั้น เราต้องทำให้เด็กที่ตกเป็นเหยื่อ รู้สึกว่าเขามีที่พึ่ง กล้าที่จะรีบบอกพ่อแม่หรือเจ้าหน้าที่ทันที่ที่ถูกล่วงละเมิด ไม่งั้นความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้นกับเด็กๆ เหล่านั้นเลย”
