xs
xsm
sm
md
lg

๙ พ.ย. ๒๔ เริ่มเปิดใช้ “เรือนตะเกียง” แห่งแรก! ประภาคารไทยสวยติดอันดับโลก!!

เผยแพร่:   โดย: โรม บุนนาค


เรือนตะเกียงผู้สำเร็จราชการ
ประภาคาร (Light house) เป็นประทีปแห่งท้องทะเล ให้คนที่เดินทางรอนแรมมาได้เห็นฝั่งหรือจุดอันตราย ในยุคแรก ชาวเรือได้อาศัยภูเขาไฟเป็นจุดสังเกต ต่อมาเมื่อภูเขาไฟดับแล้วจึงคิดสร้างโคมไฟขึ้นแทน ประภาคารแห่งแรกของโลกตั้งอยู่ที่เกาะฟารอส หน้าเมืองอะล็กซานเดรียในอียิปต์ สร้างประมาณ พ.ศ.๒๖๐ โดยชาวกรีกในสมัยที่กษัตริย์ปโตเลมีปกครองอียิปต์ ปัจจุบันประเทศอียิปต์ได้รื้อฟื้นประภาคารแห่งนี้ขึ้นใหม่ในที่เดิมและขนาดเดิม เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและสถานที่ท่องเที่ยว

ส่วนประภาคารแห่งแรกของไทย สร้างขึ้นที่ปากน้ำเจ้าพระยาในปี ๒๔๑๓ เสร็จในปี ๒๔๑๔ แต่หินที่ถมเกิดทรุดตัวลงต้องถมกันใหม่ แล้วรอดูอีก ๑๐ เดือน เมื่อเห็นว่าคงที่แล้วจึงประกาศใช้ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๔๑๗ และใช้มาจนถึงวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๔๗๒ เป็นเวลาถึง ๕๕ ปีเศษ ต่อมามีการใช้เรือทุ่นไฟแทนประภาคาร แต่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงเลิกการใช้เรือทุ่นไฟ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ ได้สร้างประภาคารขึ้นใหม่ซึ่งอยู่ห่างจากที่เดิม และเลิกใช้ไปอีกในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ ต่อมากรมเจ้าท่าได้ก่อสร้างสถานีนำร่องขึ้นที่สันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารคอนกรีต มีที่พักอาศัยสำหรับพนักงานนำร่อง เปลี่ยนไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์ มีความสูง ๓๘ เมตร สามารถมองเห็นได้ไกลถึง ๒๐ ไมล์ และใช้เป็นสถานีนำร่องในปัจจุบัน
ประชุมพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ระบุว่า “ในปีขาน โปรดให้พระยาเทพประชุน ไปทำไลซเฮ้า คือเรือนตะเกียงที่หลังสันดร สำหรับเรือลูกค้าเปนที่หมายทางเข้าออก”

แต่ก็ยังไม่มีการสร้างให้เกิดขึ้น จนกระทั่งสมัยรัชกาลที่ ๕ การค้าขายกับต่างประเทศจากการเปิดประเทศในรัชกาลที่ ๔ มีมากขึ้น ปากแม่น้ำเจ้าพระยามีเรือสินค้าเข้าออกจำนวนมาก สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน จึงได้ใช้เงินส่วนตัวสั่งให้กงสุลไทยในลอนดอนซื้โคมประภาคารส่งมา สิ้นค่าก่อสร้างไปทั้งหมดประมาณ ๑๘,๐๐๐ บาทเศษ ยกให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน จึงตั้งชื่อให้เป็นเกียรติแก่ท่านว่า “รีเยนท์ไลท์เฮาส์” (Regent Lighthouse” หรือ “ประภาคารผู้สำเร็จราชการ” แต่ในเอกสารของกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เรียกว่า “ประภาคารสันดอนปากน้ำเจ้าพระยา”
ประภาคารโดยทั่วไปจะสร้างเป็นรูปหอคอย มีตะเกียงไฟอยู่ด้านบน สร้างขึ้นที่ปลายแหลมหรือโขดหินริมฝั่งทะเล จึงเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามอย่างหนึ่ง จึงมีการจัดอันดับความงามกัน กล่าวกันว่า ๑ ใน ๑๐ ของโลกนั้น บางสำนักที่จัดมีของไทยรวมอยู่ด้วย คือ “ประภาคารกาญจนาภิเษก” ที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต ด้านตะวันตกสุดของประเทศไทย สร้างขึ้นโดยกองทัพเรือและประชาชนชาวภูเก็ต เนื่องในวโรกาศที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปีใน พ.ศ.๒๕๓๙ มีความสูง ๕๐ ฟุต แสงไฟส่องสว่างไปในทะเลเห็นได้ไกลถึง ๓๙ กิโลเมตร ปัจจุบันประภาคารกาญจนาภิเษกนอกจากจะเป็นประโยชน์ในการเดินเรือแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดภูเก็ตด้วย

ดวงไฟเรือนตะเกียงผู้สำเร็จราชการ ในพิพิธภัณฑ์ทหารเรือ




กำลังโหลดความคิดเห็น