เมื่อวันที่ ๒ พฤศขิกายน ๒๕๔๑ ได้เกิดเรื่องเศร้าสลดขึ้นที่องค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม เมื่อธูปขนาดยักษ์มหึมา ๓ ดอก ที่สร้างขึ้นเป็นพุทธบูชาในวาระพระร่วงโรจนฤทธิ์มีอายุครบ ๘๔ปี เกิดล้มลงในเช้าวันงานก่อนที่สมเด็จพระเทพฯจะเสด็จมาเปิดไม่นาน ทำให้ผู้คนล้มตายบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
ธูปยักษ์นี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๕ เมตร ต้นกลางสูง ๒๕ เมตร สองต้นข้างสูง ๒๔ เมตร แกนในเป็นโครงเหล็ก นำขึ้เลื่อยผสมกับธูปจริงที่คนนำมาบูชาองค์พระปฐมเจดีย์ผสมกันปั้นเป็นธูปยักษ์ เป็นความคิดของประธานกรรมการวัดพระปฐมเจดีย์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านไฟฟ้าแห่งหนึ่งในจังหวัด กรรมการของวัดก็เห็นชอบด้วย ทางร้านจึงทำการสร้างเองโดยไม่ได้ขอนุญาตจากทางราชการ เพราะตอนนั้นยังไม่มีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างของวัด เพียงแต่แจ้งให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นทราบเท่านั้น
เมื่อสร้างเสร็จหลายคนก็ชื่นชมว่าเป็นธูปขนาดใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่หลายคนก็ติว่าใหญ่จนบังองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ และถ้าจุดธูป ควันธูปก็คงตลบไปทั้งงาน อีกทั้งสลิงที่ขึงรับน้ำหนักธูปก็ดูเกะกะรกตาไปหมด ทางร้านจึงตัดสลิงบางเส้นออกให้โปร่งขึ้น
ในคืนก่อนวันงานได้เกิดฝนตกอย่างหนัก ทำให้ธูปอุ้มน้ำฝนไว้มากจนสลิงทุกเส้นตึงผิดปกติ แต่ก็ไม่มีเวลาแก้ไขกันแล้ว ในตอนเช้าของวันงานมีคนมาชมธูปยักษ์กันมาก และรอรับเสด็จสมเด็จพระเทพฯที่จะมาเปิดงาน แต่แล้วก่อนที่สมเด็จพระเทพฯจะเสด็จมาถึง สลิงเส้นหนึ่งได้ขาดก่อน ทำให้ธูปเอียงและล้มลงทั้ง ๓ ต้น ผู้คนต่างหนีกันอลหม่าน แต่หลายคนก็หนีไม่ทัน ทางวัดแถลงว่ามีคนตายไป ๕ คน บาดเจ็บ ๑๓ คน และรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด ส่วนประธานกรรมการวัดผู้เป็นเจ้าของความคิดและผู้สร้างถูกตำรวจจับ
โศกนาฏกรรมครั้งนี้น่าจะเป็นสาเหตุให้มีการแก้กฎกระทรวงในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ กำหนดให้ศาสนวัตุที่มีความสูงตั้งแต่ ๖ เมตรขึ้นไป เป็นงานวิศวกรรมควบคุม ที่ต้องออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโดยวิศวกร
นี่ก็เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งของอดีต