พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยการเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินต้น ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของภาคอีสาน นับเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เมืองอุบลราชธานี และแผ่นดินที่ราบสูงภาคอีสาน ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดที่มิใช่วัดหลวง
วันนี้ (27 ต.ค.) เมื่อเวลา 17.49 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่น
โอกาสนี้พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นแท่นทรงรับการถวายความเคารพจากกองทหารเกียรติยศ จากนั้นประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ออกจากท่าอากาศยานทหารกองบิน 21 ไปยังวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
เมื่อเสด็จฯ ถึงวัดหนองป่าพง เสด็จ ฯ ไปยังอุโบสถวัดทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัตทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้าซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสน์สงฆ์ใกล้เจ้าอาวาสทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระประธานอุโบสถทรงกราบ ทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนหลังผ้าไตร ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้าพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ ผินพระพักตร์สู่พระประธานทรงว่า "นะโม ตัสสะ ฯ" 3 หนแล้วผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ กล่าวคำถวายผ้าพระกฐินแด่พระภิกษุสงฆ์ที่จำพรรษาครบไตรมาส ทรงประเคนผ้าไตรและเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 และเสด็จฯ ไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระสงฆ์ผู้ครองผ้าพระกฐินเสร็จแล้ว ทรงหลังทักษิโณทก(พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก)และทรงสนทนาธรรมกับ พระราชภาวนาวิกรม เจ้าอาวาสวัดหนองป่าพง และเสด็จออกจากอุโบสถ
ต่อมาประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง ไปยังพระเจดีย์พระโพธิญาณเถร ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์เจดีย์รูปทรงระฆังคว่ำส่วนบนตั้งขึ้นที่สูงขึ้นสู่อากาศในรูปลักษณ์คล้ายพระธาตุพนม เป็น เจดีย์สีทองเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ที่ด้านในจะมี"อัฐิธาตุของหลวงปู่ชา" พระภิกษุสงฆ์ศิษยานุศิษย์พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) จากทั่วโลก จำนวน 500 รูป เจริญชัยมงคลคาถา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีทรงวางพวงมาลัยทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายสักการะรูปเหมือนและพระอัฐิธาตุพระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมถวายพระสงฆ์ 5 รูป
ทรงสนทนาธรรมกับพระสงฆ์เถร
จากนั้นประทับรถไฟฟ้าพระที่นั่ง ไปยังพิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) หรือพิพิธภัณฑ์วัดหนองป่าพง ตั้งอยู่ในวัดหนองป่าพง เพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และพระนามาภิไธย ในสมุดเยี่ยม และทอดพระเนตรภายในพิพิธภัณฑ์ ซึ่งพิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร(หลวงปู่ชา สุภัทโท) เป็นอาคารสามชั้นทรงไทยประยุกต์ที่ผนังพิพิธภัณฑ์มีภาพนูนต่ำที่ทำจากกระเบื้องดินเผาแสดงเรื่องราวชีวิตของพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) ด้านหน้าอาคารเป็นที่ประดิษฐานของพระศรีอริยทศพลญาณ ประธานพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนปางลีลา ภายในพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงประวัติและผลงานของพระโพธิญาณเถร และวัดหนองป่าพง เช่น หุ่นขี้ผึ้งพระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) เครื่องอัฐบริขารต่าง ๆ เครื่องประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลศพ นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุ และสิ่งของต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตคนอีสาน ไม่ว่าจะเป็น เครื่องปั้นดินเผา เครื่องหัตถกรรม เครื่องใช้ในงานทอผ้า โครงกระดูกเพื่อให้พิจารณาสังขาร ไม้กลายเป็นหิน ผ้าโบราณ เหรียญและเงินโบราณ เงินตราสกุลต่าง ๆ เครื่องใช้โลหะ เครื่องทองเหลือง เครื่องปั้นดินเผา เป็นต้น การนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางจ้า ฯ พระบรมราชินี ทรงปลูกต้นรวงผึ้ง ที่บริเวณด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ จำนวน 2 ต้น
โดยการเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินต้น ณ วัดหนองป่าพง ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของภาคอีสาน นับเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เมืองอุบลราชธานี และแผ่นดินที่ราบสูงภาคอีสาน ที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดที่มิใช่วัดหลวง
สำหรับวัดหนองป่าพง สร้างโดยหลวงพ่อชา สุภัทโท หรือ พระโพธิญาณเถระ ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2497 เป็นสำนักปฎิบัติธรรมที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติอันสงบเงียบ มีบรรยากาศอันร่มรื่น เหมาะแก่การปฎิบัติธรรม เป็นต้นแบบของวัดป่ากว่า 100 แห่งในประเทศไทย และอีกหลายแห่งในยุโรป ออสเตรเลีย และแคนาดา หลวงพ่อชาเป็นตัวอย่าง ของพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ภายในวัด มีเจดีย์บรรจุอัฐิหลวงพ่อชา ซึ่งเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมอีสานกับล้านช้าง ปัจจุบันพระราชภาวนาวิกรม เป็นเจ้าอาวาสวัด