4 พันธมิตรวงการบันเทิง จับมือ "อากิโมโตะซัง" เจ้าพ่อไอดอล ผู้ก่อตั้ง 48 กรุ๊ปแห่งญี่ปุ่น ดันโปรเจกต์ ‘Last Idol Thailand’ รายการประชันเฟ้นหา 7 สุดยอดไอดอล รับสมัคร 15 ตุลาคมนี้ เริ่มเทปแรก ม.ค.64 เผยเจ้าตัวลุยเอง พร้อมเปิดโอกาสสมาชิกวงในไทยสมัครแข่งได้
เป็นอีกข่าวดีที่แฟนๆ ไอดอลญี่ปุ่นในไทยต่างรอคอย สำหรับรายการ "ลาสต์ ไอดอล" (Last Idol) ของ "ยาซูชิ อากิโมโตะ" ผู้สร้างตำนานไอดอลทั้ง 48 กรุ๊ป และ 46 เพื่อตามหา 7 ไอดอลหญิงที่ยืนระยะได้นานที่สุดมาร่วมทำผลงานพิเศษ เมื่อล่าสุดประเทศไทยได้มีการเปิดตัวโครงการ "Last Idol Thailand" เพื่อเฟ้นหาเด็กสาวที่มีความมุ่งมั่นสู่เส้นทางการเป็นไอดอลระดับโลก ไปเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ที่โรงภาพยนต์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน ซึ่งภายในงานก็มีไอดอลกว่า 10 วง อาทิ Sweat16 , Fever , Siam Dream , CM Cafe , Sumomo , Wish 23 , Aster , Shining Star ฯลฯ พร้อมแฟนคลับแฟนคลับไอดอลร่วมด้วย
นอกจากนี้ยังได้ 3 สมาชิกจาก "เสือร้องไห้" ทั้ง "คัตโตะ-อารมณ์ โพธิ์หาญรัตนกุล" , "เอ็ดดี้-จุมภฏ จรรยหาญ" , "แน็ตตี้-จิรุตถ์ ตันติวรอังกูร" และแขกรับเชิญพิเศษ "ติ๊ก-กฤษติกร พรสาธิต" นักร้องนำวงเพลย์กราวด์ มาถ่ายทอดประสบการณ์การเป็นโอตะให้ผู้ชมได้ฟัง โดนมี "ม่านมุก-ชดาธาร ด่านกุล" และ "พิม ขจรเวคิน" 2 สาว Sweat16 เป็นพิธีกรอีกด้วย และไฮไลต์ที่สำคัญคือวีทีอาร์ของ "อากิโมโตะซัง" ที่มาเล่าถึงโปรเจคท์นี้และเปรยว่าอยากจะมาเมืองไทยอีกด้วย
โดยโปรเจคท์ Last Idol Thailand นี้ได้ 4 พันธมิตรของวงการบันเทิงไทย ทั้ง ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล , เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ , เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ และ ดราคอนิค จับมือกันตั้งบริษัท ลาสต์ ไอดอล (ไทยแลนด์) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 100 ล้านบาท มี "ศิริศักดิ์ คชพัชรินทร์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดราคอนิค จำกัด เป็น ประธานกรรมการ นอกจากนี้ "อากิโมโตะซัง" ยังมีส่วนร่วมดูแลกระบวนการสรรหาด้วยตัวเอง ซึ่งภายในงาน "ศิริศักดิ์" ยังได้เล่าถึงประสบการณ์การพบกับผู้บุกเบิกวงการไอดอลญี่ปุ่น ในสหรัฐอเมริกา ก่อนจับมือกันทำโปรเจคท์นี้ด้วย
สำหรับกติกาของรายการ Last Idol Thailand นั้น จะมีการออดิชั่นผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อหาสมาชิกวงชั่วคราว 7 คน จากนั้นจะนำผู้ท้าชิง 1-2 คน ที่คัดเลือกมาจากการเปิดออดิชั่นเป็นรอบๆ เพื่อท้าชิงตำแหน่งของสมาชิกทั้ง 7 ซึ่งถ้าสมาชิกคนใดแพ้ ก็จะเสียตำแหน่งตกรอบ โดยผู้ชนะจะเข้ามาแทนที่ทันที โดยการแข่งขันจะดำเนินไปซีซั่นละราวๆ 20 สัปดาห์ จนเหลือ 7 คนสุดท้ายที่รักษาตำแหน่งไว้ได้ จะได้เดบิวในฐานะ "Last Idol" ร่วมกันทำเพลงและผลงานอื่นๆ
โดย "วิบูลย์ ลีรัตนขจร" กรรมการผู้จัดการบริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ให้สัมภาษณ์ถึงโปรเจคท์นี้ว่า เป็นโครงการความร่วมมือกันระหว่าง 4 บริษัท ที่มาจากต่างแขนง ซึ่งมีโอกาสได้เห็นโปรเจกต์ของทาง "อากิโมโตะซัง" โปรดิวเซอร์ทางวงการบันเทิงญี่ปุ่น ผ่านทาง "ศิริศักดิ์" ที่มาแนะนำให้เรารู้จัก เราทั้งหมดก็รู้สึกตื่นเต้นมากๆ ชิ้นงานของเขานั้น ที่เราเริ่มศึกษาลึกเท่าไหร่ ก็พบว่าเต็มไปด้วยคุณภาพ และมีหลายๆ อย่างที่จะเปิดโอกาสกับเยาวชน โดยเฉพาะสายไอดอลของไทย ซึ่งเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ที่จะเปิดกว้างให้เขา ได้ไปสู่ในระดับสากล พวกเราทั้งหมดมีหน้าที่ที่จะพัฒนาความสามารถของเขา อย่างที่ "ยาซุชิ" พูดไว้ว่า พวกเราก็จะเป็นคนที่ขัดเกลา ให้พวกเขาได้เปล่งประกายออกมาให้ได้เยอะที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของ ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล สำคัญที่สุด ที่จะพาพวกน้องๆ ให้ไปสู่ในระดับสากลได้
"คือเราอยากให้ไอดอลของบ้านเราอยากจะร่วมมือกันอย่างตั้งใจจริง ที่จะให้ไอดอลของประเทศไทย มีความสามารถสูงสุด ที่จะไปเปล่งประกายทั้งในและนอกประเทศ"
กรรมการผู้จัดการบริษัท เซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวตนคิดว่า คนไทยก็รู้จักไอดอลมาหลายปีแล้ว ความจำเป็นของไอดอลคือ ใครก็ได้ ที่มีความฝันและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ เข้ามาเรียนรู้งานในวงการบันเทิง ซึ่งอาจจะแตกต่างจากการเป็นดาราหรือว่าเป็นนักร้องในค่ายต่างๆ ซึ่งพวกเธออาจจะเป็นลุกหลาน เป็นเด็กข้างบ้าน หรือว่า เป็นเด็กที่ไม่มีโอกาส พวกเธอแสวงหาโอกาสอย่างที่คุณอากีพีบอก นั่นคือ การมีความฝัน นี่คือความแตกต่างของอุตสาหกรรมในการเป็นไอดอล ซึ่งพวกเธออยู่ได้ด้วยการสนับสนุนจากแฟนคลับ หรือ โอตะ
ด้าน "ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์" ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท ที แอนด์ บี มีเดีย โกลบอล (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า จริงๆ แล้ว ตนเป็นกำลังใจให้ทุกคน แล้วก็อยากจะปั้นให้น้องๆ ไปสู่ดวงดาว ไม่ใช่แค่ในประเทศไทยเท่านั้น แต่ขอให้ไปในระดับสากล ซึ่งเมื่อน้องๆ มาเป็น Last Idol มาเป็นโมเดล และมาเผยแผ่ สิ่งดีๆ รอยยิ้มไปทั่วโลก
ขณะที่ "ธนกร ปุลิเวคินทร์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางเราก็สร้างภาพยนตร์มานาน เรามีการสร้างต่อเนื่อง ต่อปีไม่ต่ำกว่า 10 เรื่อง แล้วเราก็คอยเฟ้นหาดาราอยู่ตลอดเวลา คิดว่า Last Idol น่าจะเป็นอีกทางหนึ่ง ที่จะช่วยส่งเสริมน้องๆ ให้ก้าวสู่สากลอย่างที่บอก
ส่วน "ศิริศักดิ์" ประธานกรรมการบริษัท ลาสต์ ไอดอล (ไทยแลนด์) จำกัด ก็กล่าวว่า เราอยากจะขึ้นมาสนับสนุนอุตสาหกรรมไอดอลอื่นๆ ด้วย ไม่ใช่ว่าเรามาคนเดียว เราเปิดโอกาสให้ทุกคน ซึ่งครั้งนี้ "ยาซุชิ" มาร่วมวางแผนและกำกับเอง ส่วนจะเป็นยังไง เดี๋ยวต้องมาค่อยๆ ดูกัน ซึ่งโปรเจกต์นี้ มีการเตรียมพร้อมเรียบร้อย เพียงแต่ว่าถ้าน้องๆ มีคุณสมบัติที่ว่าจริงๆ ขอเชิญเข้ามาเลย ซึ่งเราจะมีการเปิดตัวทางการตอนเดือนมกราคม 2564 นี้
เมื่อถามถึงการเปิดโปรเจคท์ใหม่ในสถานการณ์ที่สภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโรคโควิด-19 ระบาด "วิบูลย์" กล่าวว่า ในภาวะที่เป็นความยากลำบากในช่วงนี้ ตนคิดว่าความร่วมมือ และความสามัคคีเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แล้วเราอยากจะได้รับสิ่งต่างๆ ตรงนี้เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน และสิ่งที่พวกเรากำลังจะทำอยู่นี้ มันเป็นเรื่องที่มากกว่าการเป็นธุรกิจ 2 เรื่อง เรื่องแรก เป็นความร่วมมือระดับประเทศ ความร่วมมือของทั้ง 4 บริษัท สอง ก็คือความร่วมมือของเราที่เปิดโอกาสให้เยาวชนได้สร้างความฝันของเขา ให้เขาเกิดธุรกิจขึ้นมา ให้เขาเกิดธุรกิจเป็นของตัวเอง สามารถเลี้ยงดูครอบครัวได้ สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนคลับของเขาได้ ตนคิดว่าถ้าเราไม่ทำอะไรเลย เราก็จะไม่มีแสงสว่างเกิดขึ้น แล้วพอทุกคนเริ่มลงมือกัน ตนเชื่อว่า เราจะผ่านมันไปได้
ด้าน "ศิริศักดิ์" กล่าวแสดงความเห็นว่า ในช่วงเวลาที่ลำบากที่สุด ตนเคยถาม "ยาซุชิ" ว่า ถ้าเวลาที่ลำบากที่สุดแล้วเป็นยังไงบ้าง เขาก็บอกว่า ในเวลานี้ เด็กๆ จะหยุดฝันไม่ได้ เพราะถ้าเกิดมีความรู้สึกว่าไม่เอาแล้ว อันนี้คือหยุดเลย ตอนนี้ เป็นชั่วโมงที่ดีที่สุดว่า มาสู้กัน ลองมาต่อสู้เพื่อความฝัน เพราะว่า ลำบากยังไง ความฝันคุณยิ่งไม่ต้องหยุดลง ยิ่งต้องเดินไปให้ถึง
ขณะที่ "ธนกร" กล่าวว่า จริงๆ ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วงดีนะ เพราะว่าหนังต่างประเทศก็เริ่มขาดแคลน ช่วงนี้ถือว่าเป็นโอกาสดีที่รีบสร้าง เพราะบ้านเรายังถือว่าปลอดภัย โอกาสที่จะสร้างหนังไทยให้โกอินเตอร์มีมากขึ้น ตนคิดว่าเด็กไทยคงน่าจะสานฝันให้กับตัวเองได้ อนาคตคงอยู่ไม่ไกล ขอแค่ให้ทุกคนตั้งใจแค่นั้นเอง ผมว่าเราฝ่าวิกฤตนี้ไปด้วยกันได้
ส่วน "ชวัลวัฒน์" ก็พูดปิดท้ายว่า โควิดเกิดได้ แต่อย่าให้เป็นโคม่านะ คือจริงๆแล้ว โควิดทำให้เราต้องรักกันมากขึ้น เราต้องส่งรอยยิ้มให้กันมากขึ้น เพื่อฟังฝ่าอุปสรรคไปให้ได้ เราอยากจะบอกน้องๆ ว่า สิ่งสำคัญเวลาที่เราจะมุ่งมั่นทำอะไรซักอย่าง มันจะมีอุปสรรคตลอด แต่ถ้าความมุ่งมั่นเรามากพอ อุปสรรคที่ว่าก็จะชนะไม่ได้ เราก็จะไปถึงเป้าหมายได้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้น้องๆ ทุกคน
ทั้งนี้ โครงการ “Last Idol Thailand” จะเปิดรับสมัครสาวๆ ตั้งแต่อายุ 14-26 ปี ที่มีความฝันอยากเป็นไอดอล หรือสมาชิกวงไอดอลที่อยากร่วมแข่งขัน ให้ส่งประวัติ ผลงานส่วนตัว และคลิป เข้าร่วมออนไลน์ออดิชั่น ตั้งแต่ 15 ตุลาคม - 15 พฤศจิกายน นี้ ได้ทาง www.lastidol.co.th โดยผู้เป็นไอดอลหรือศิลปิน จะต้องได้รับความยินยอมจากต้นสังกัดแล้ว ซึ่งสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/lastidolthaiand อีเมล์ Info@lastidol.co.th และ ทางทวิตเตอร์ @lastidol_th