เผยคลิปฉลามวาฬขนาดลำตัว 7-8 เมตร กำลังแหวกว่ายอวดโฉมโชว์กลางทะเลเกาะทะลุ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทำเอาชาวเน็ตต่างตื่นตาตื่นใจขณะพบฉลามวาฬอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ฉลามวาฬเป็นสัตว์ทะเลไม่ดุร้าย
วันนี้ (4 ก.ย.) มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก “เผ่าพิพัธ เจริญพักตร์” โพสต์คลิปวิดีโอความยาว 0.54 วินาที ภายในคลิปพบฉลามวาฬตัวหนึ่ง ขนาดลำตัวประมาณ 7-8 เมตร กำลังแหวกว่ายน้ำอวดโฉมโชว์นักท่องเที่ยวอยู่ในบริเวณเกาะทะลุ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผู้โพสต์ระบุว่า
“มีวาฬตัวนึงลอยว่ายน้ำมา.. ดูแฮปปี้ดี๊ด๊ากว่าที่เคย น้องจุดมาเยี่ยมเกาะทะลุ ในวันที่อากาศดีน้ำใสมากกกก แต่ไม่มีกล้องใต้น้ำ เสียดายจริง หลังจากหาเจอแค่สน็อกเกิลเด็กก็ไม่รอ ลงไปดำดูใกล้ๆ เห็นมีรอยถลอกที่ครีบซ้าย, ขวา และก่อนถึงปลายหางมีจุดสีเทาเหมือนเป็นปาน
เจ้าฉลามวาฬตัวนี้ขนาดประมาณ 7-8 เมตร คือกะประมาณเอา ความยาวน่าจะเกิน 3 วา ค่อยข้างเป็นมิตร ไม่กลัวคนเลย จังหวะที่เราว่ายน้ำมาประจันหน้ากันพอดี ผมลองว่ายน้ำกรรเชียงถอยหลัง เค้าก็ว่ายตามช้าๆ หันหัวตรงมาทางผมเลย ทันทีจะเห็นเราเบี่ยงหลบออกทางขวา เค้าก็เบี่ยงตัวหลบทางซ้าย พร้อมกับกรอกตามองเราอย่างสงสัย
ในอดีตไม่ค่อยมีรายงานพบฉมามวาฬในพื้นที่แถบจังหวัดประจวบฯ เท่าไหร่ อาจจะด้วยความหนาแน่นของการทำประมง หรือเครื่องมือสื่อสารไม่พร้อมเหมือนในปัจจุบัน
ส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความเข้าใจให้กับคนทั่วไปเกี่ยวกับฉลามวาฬก็คือกระแสการท่องเที่ยว ดำน้ำ และการอนุรักษ์ทะเล สังเกตจากกลุ่มคนที่เข้ามาเมนต์ในโซเชี่ยล ส่วนใหญ่เป็นนักดำน้ำหรือคนที่ชอบเที่ยวทะเลบ่ายๆ จะมีความรู้เรื่องฉลามวาฬ ว่าเป็นสัตว์ทะเลไม่ดุร้าย หลายๆคนเรียนติดปากว่า “น้องจุด” หรือ “ยักษ์ใหญ่ใจดี” ที่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของนักท่องเที่ยวในปัจจุบันต่อฉลามวาฬ
ภาพฉลามวาฬที่น่ารัก ดูเป็นมิตร ว่ายน้ำวนรอบเรือของนักท่องเที่ยว ช่วยสร้างกระแสและการรับรู้เกี่ยวกับปัญหาผลกระทบทางธรรมชาติต่อท้องทะเล ทำให้หลายคนเริ่มหันมาสนใจเรื่องการอนุรักษ์ทรัพยากรมากขึ้น ไม่เพียบแต่เรื่องการเที่ยวอย่างมีความรักผิดชอบ แต่สำหรับบางคนถึงกับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตหลายๆอย่างเลยทีเดียว การลดการบริโภค ลดขยะ การลดการใช้ทรัพยากรณ์ทุกรูปแบบในชีวิตประจำวันคนละเล็กละน้อย อาจช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงกับโลคได้จริงๆ
ผมยังเชื่อว่าการอนุรักษ์ต้องเกิดจากการรู้จักก่อน ด้วยความเมตตาของมนุษย์ จึงเกิดความรักต่อสัตว์โลก ความรู้สึกเชื่อมโยงและหวงแหนค่อยๆเกิดขึ้นความร่วมมือที่เป็นส่วนสำคัญในการอนุรักษ์”