ผู้เสียหายกว่า 40 คน ร้องกองปราบฯ เอาผิดร้านแบรนด์เนม ยอดขายร้อยล้าน ในศูนย์การค้าชื่อดังกลางสยามสแควร์ หลังออเดอร์สินค้า จ่ายเงินไปแล้ว กลับจัดหาสินค้าไม่ได้ หนำซ้ำพอขอรับเงินคืนกลับให้แค่ 10% แล้วเงียบหาย แถมยังโปรโมตผ่านโซเชียลฯ ตามปกติ เสียหายรวมกันกว่า 6.2 ล้าน เบื้องต้นประสาน บก.ปคบ. รับเรื่องแล้ว
เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่กองปราบปราม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ กลุ่มตัวแทนผู้เสียหายกว่า 40 คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับเจ้าของร้านขายสินค้าแบรนด์เนมแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าชื่อดังย่านสยามสแควร์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ หลังจากได้สั่งซื้อกระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ ทั้งมือหนึ่งและมือสองกับร้านดังกล่าว แต่ไม่สามารถจัดหาหรือส่งมอบสินค้าได้ เมื่อผู้เสียหายต้องการขอรับเงินคืนเต็มจำนวนกลับบ่ายเบี่ยง กระทั่งพบว่าเจ้าของร้านคืนเงินต้นเพียง 10% เท่านั้น ก่อนที่จะเงียบหายและปิดร้านในที่สุด รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6.2 ล้านบาท
กลุ่มผู้เสียหายดังกล่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ ได้เห็นร้านดังกล่าวโพสต์ภาพและข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ขายสินค้าแบรนด์เนม อาทิ กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ โดยมีหน้าร้านในศูนย์การค้าดังกล่าว มีการนำดาราและบุคคลที่มีชื่อเสียงมาโปรโมต โดยอ้างว่า เป็นลูกค้าประจำ อีกทั้งยังออกรายการโทรทัศน์ชื่อดัง ที่นำเสนอนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาท ทำให้ผู้เสียหายไว้วางใจและสั่งซื้อสินค้ากับร้านดังกล่าว โดยชำระค่าสินค้าล่วงหน้าเต็มจำนวน และทางร้านได้ออกใบนัดรับสินค้า ปรากฏว่า เมื่อถึงวันนัดรับสินค้า ทางร้านกลับแจ้งว่าไม่สามารถจัดหาหรือส่งมอบสินค้าได้
เมื่อผู้เสียหายประสงค์ขอรับเงินเต็มจำนวน ทางร้านกลับอ้างว่าจะขอทยอยผ่อนจ่ายบางส่วนเท่านั้น โดยคืนเงินต้นเพียง 10% แต่เมื่อทวงถามส่วนที่เหลืออีก 90% กลับเงียบหายไป และเมื่อไปที่ร้าน ปรากฏว่า ทางร้านได้เปิดไฟทิ้งไว้ แต่ไม่เปิดประตู และไม่มีใครอยู่ในร้าน หนำซ้ำยังพบว่า ทางร้านยังคงโพสต์ภาพและข้อความผ่านโซเชียลมีเดียตามปกติ และยังเปิดให้โอนเงินเพื่อสั่งซื้อสินค้า แต่ก็ไม่สามารถจัดหาหรือส่งมอบสินค้าได้ โดยอ้างเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ผู้เสียหายมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งไม่สามารถเดินทางมายังประเทศไทยได้ จึงได้ร้องทุกข์ผ่านเฟซบุ๊กของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวไว้แล้ว
ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตว่า แม้ทางร้านจะระบุว่าเป็นผู้จัดหากระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ ทั้งมือหนึ่งและมือสอง แต่เมื่อสอบถามความคืบหน้าเรื่องสินค้า กลับไม่มีคำตอบที่ชัดเจน หรือหลักฐานการดำเนินการ เช่น ใบสั่งซื้อจากร้านค้า หรือ หลักฐานการสั่งซื้อจากแหล่งจำหน่าย อีกทั้งหากมีเจตนาบริสุทธิ์จริง เมื่ออ้างว่าไม่สามารถจัดหาหรือส่งมอบสินค้าได้ ควรระงับการสั่งซื้อ พร้อมจัดการคืนเงินให้กับผู้เสียหาย แต่ทางร้านกลับยังโปรโมตสินค้าผ่านโซเชียลมีเดีย ทั้งที่ไม่สามารถจัดหาสินค้าให้กับลูกค้าได้จริง จึงแจ้งความร้องทุกข์เพื่อพิจารณาว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายฉ้อโกงประชาชนหรือไม่
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ประสานไปยัง กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) กระทั่งในเวลาต่อมา กลุ่มผู้เสียหายจึงได้เดินทางไปยัง บก.ปคบ. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ โดยมี พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบก.ปคบ. และ พ.ต.ท.ธัชรินทร์ สุวณะศิริ สว.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. ลงมาพบกับกลุ่มผู้เสียหาย และมอบหมายให้ ร.ต.อ.ดลพิษิฐ คำผง รอง สว. (สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. รับเรื่องร้องทุกข์และสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อดำเนินการต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ล่าสุด กลุ่มผู้เสียหายได้เดินทางกลับมายังที่ร้านดังกล่าวอีกครั้ง พบว่า ร้านได้ปิดประตู และติดป้ายกระดาษเขียนข้อความระบุว่า “พนักงานไม่อยู่ร้าน กรุณาโทร. ... ร้านหยุดทุกวันเสาร์-อาทิตย์" พร้อมช่องทางไอดีไลน์ให้สอบถามราคา โดยผู้ที่อยู่ใกล้เคียงระบุว่า ทางร้านได้ขนสินค้าที่ตั้งโชว์ออกไปแล้ว