บก.บห.เครือเนชั่น แจ้งความเอาผิดผู้ใช้สื่อโซเชียล 4-5 ราย โพสต์ใส่ร้าย บิดเบือน กล่าวหาเกินจริง ด้านอดีต บก.อาวุโส “นิธินันท์ ยอแสงรัตน์” ด่า “ฉาย บุนนาค” ยิ่งแถลงยิ่งเสียสติ อ้างบอยคอตสินค้าลงโฆษณา เป็นการตอบโต้ตามปกติ
เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายปกรณ์ พึ่งเนตร บรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นำหลักฐานเอกสารภาพและการโพสต์ข้อความบิดเบือนกล่าวหาโจมตีเนชั่นทีวี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) เพื่อเอาผิดผู้โพสต์ข้อความและผู้แสดงความคิดเห็นที่ใส่ร้าย บิดเบือน กล่าวหาเกินจริง
นายปกรณ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท เป็นตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีสื่อสังคมออนไลน์ 4-5 ราย ที่ได้กล่าวหาเกินจริง ใส่ร้ายเนชั่นทีวี ว่า บิดเบือนข่าวสาร ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงมาแจ้งความเพื่อรักษาสิทธิให้กระบวนการยุติธรรมเป็นผู้ตัดสิน อย่างไรก็ตาม การแจ้งความในครั้งนี้ ไม่ได้ดำเนินการกับผู้ที่ต่อต้านเนชั่น ซึ่งเป็นสิทธิที่ใครจะแสดงความคิด ที่จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็ได้ ทางเนชั่นก็น้อมรับการแสดงความคิดเห็น และจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่กลับมีการบิดเบือน ใส่ร้ายเกินจริง ทำให้ต้องมาแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว
ด้าน น.ส.นิธินันท์ ยอแสงรัตน์ สื่อมวลชนอาวุโส อดีตที่ปรึกษาสถานีโทรทัศน์มติชนทีวี ในฐานะอดีตบรรณาธิการอาวุโส เครือเนชั่น ยุคนายสุทธิชัย หยุ่น โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โจมตี นายฉาย บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือเนชั่น ที่ออกแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ ระบุว่า “ยิ่งแถลงยิ่งเสียสติ แทนที่จะตระหนักว่าตัวเองทำผิดจริยธรรมสื่อ ใช้สื่อในมือคุกคามข่มขู่คนคิดต่างด้วยวาจาหยาบคาย ยั่วยุให้ผู้คนเกลียดชังกัน ใส่ร้ายป้ายสีคนคิดต่างเป็นปีศาจร้ายต้องกำจัด กลับชี้หน้าคนอื่นแบบเหมาโหลว่า ข่มขู่คุกคามตัวเอง
คนโทรศัพท์ไปด่าพวกคุณอาจมี แต่คนที่ไม่ได้ทำอย่างนั้นมีมากกว่า และการรณรงค์แบนโฆษณา ไม่เรียกว่าข่มขู่คุกคาม ไม่เรียกว่า social bully ใครสอนใครสั่ง ตำราไหน มันเป็นการตอบโต้สื่อบิดเบือนตามปกติของประชาชนในประเทศอารยะทั่วโลก สปอนเซอร์จะถอนตัวหรือไม่ขึ้นกับสปอนเซอร์ ประชาชนเพียงแต่แจ้งท่าทีให้ทราบ พวกคุณมันเสื่อมจริงๆ ทำวงการสื่อสารมวลชนเสื่อมเสียอย่างเลวร้ายมาก ดิฉันโกรธมาก พวกคุณคือตัวอย่างที่ดีที่สุดของคำว่าหน้าด้าน กลับขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาวหน้าด้านๆ ไม่มีสำนึกในความผิดพลาดของตัวเองแม้แต่น้อย”
นอกจากนี้ น.ส.นิธินันท์ ยังโพสต์อีกว่า “ผู้บริหารเครือเนชั่นทุกคน และคนทำข่าวบางคนในเครือเนชั่นที่ยังละเมอว่าพวกคุณถูกเสมอ และคนคิดต่างกำลังคุกคามทำร้ายคุณ ถ้าสมองยังมีความสามารถโปรดตั้งสติระลึกความจริงว่า 1. สื่อเลือกข้างได้แต่ต้องเสนอข่าวอย่างเที่ยงธรรม คุณประกาศตัวเป็นสื่อโปรแนวคิดจารีตได้ แต่ต้องไม่ปั้นข่าวใส่ร้ายป้ายสีคนที่เชื่อต่างจากคุณ และอนึ่ง แบบที่คุณทำอยู่นี้ไม่เรียกว่าคุณทำหน้าที่สื่อสารมวลชน แต่เรียกว่าทำหน้าที่กระบอกเสียงเผด็จการ
ผลงานบิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีที่ผ่านมาของพวกคุณ สร้างความฉิบหายให้แนวคิดจารีตทั้งกระบวน เพราะมันทำให้คนรับสารที่อาจจะยังเป็นกลางๆ รู้สึกได้ว่า ฝ่ายจารีตไม่มีสาระใดๆ ที่ควรค่าแก่การเคารพนับถือเหมือนราคาคุย นอกจากความหยาบคายสุดๆ ความโกหกสุดๆ ความจับแพะชนแกะสุดๆ ความปั้นน้ำเป็นตัวสุดๆ ความใส่ร้ายป้ายสี ยั่วยุให้ผู้คนเกลียดชังกัน ทำร้ายกัน เข่นฆ่ากันสุดๆ
2. เมื่อคุณเลือกทำหน้าที่ “กระบอกเสียงสู้ศัตรู” ซึ่งหมายถึงคุณไม่สามารถเสนอข่าวโดยไม่ใส่ร้ายป้ายสีคนคิดต่าง หรือ ไม่สามารถไม่ปล่อยข่าวสร้างสถานการณ์ทำลายคนคิดต่าง เพราะคุณเห็นคนคิดต่างที่เป็นคนไทยเหมือนกันนี้ เป็น “ศัตรู” จงอย่าหน้าด้านอ้างคำว่า “สื่อสารมวลชน” แล้วเรียกร้องความเห็นใจจาก “มวลชน” หรือวิงวอนมวลชนว่าต้องสนับสนุนคุณเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ทั้งๆ ที่เธอ/เขาจำนวนมากในหมู่มวลนั้นจะถูกคุณกลั่นแกล้ง รุมกระทืบซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนปางตายและบ้างก็ตายหาศพไม่พบ
แต่จงยึดสมรภูมิเครือข่ายเผด็จการให้มั่น จงยืดอกฝ่อๆ ของคุณขึ้นแล้วอาจหาญประกาศว่า คุณไม่ใช่สื่อสารมวลชน แต่เป็นกระบอกเสียงเผด็จการ ฝ่ายเผด็จการทั้งหมดต้องสนับสนุนคุณ อย่าทะลึ่งผิดกาลเทศะ อย่าทำตัวกระจอก อย่าทำเนียนปลอมตัวเป็นใครที่คุณไม่ได้เป็นเพื่อหาประโยชน์ ใช้ภาษาโบราณแบบพวกคุณ คือ ลูกผู้ชาย ลูกผู้หญิง หรือ “คน” ตัวจริงไม่ทำกัน มันน่าอับอาย พ่อแม่ของพวกคุณคงเคยสอนมาบ้าง จบ สวัสดี”
