อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมรวบผู้ชุมนุมตามหมายจับ 31 รายชื่อ หลังจับกุม นายอานนท์ นำภา และ นายภาณุพงศ์ จาดนอก ชี้ จะเป็นการจุดระเบิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่
จากกรณี ตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล จับกุม นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ที่คอนโดเดอะวอเตอร์ฟอร์ด สุขุมวิท 50 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวน สน.สําราญราษฎร์ เพื่อดำเนินคดีในข้อหายุยงปลุกปั่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ข้อหามั่วสุมและอื่นๆ รวม 7 ข้อหา ต่อมาได้จับกุม นายภาณุพงศ์ จาดนอก แกนนำกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชาธิปไตย และแนวร่วมกลุ่มเยาวชนปลดแอก แต่ศาลอาญามีคำสั่งคืนคำร้องให้พนักงานสอบสวนผู้ร้องและให้รับตัวผู้ต้องหาคืน เนื่องจากยื่นคำร้องเกินเวลาราชการ โดยให้ยื่นคำร้องขอฝากขังผู้ต้องหาครั้งแรกภายใน 48 ชั่วโมงตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ส.ค ผู้ใช้เฟซบุ๊ก “พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์” อดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในทำนองไม่เห็นด้วยของการกระทำของเจ้าหน้าที่ ที่ทำการรวบตัว นายอานนท์ และ นายภาณุพงศ์ โดยชี้ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดพลาดสำคัญ โดย นายพิชิต ได้ระบุข้อความว่า
“การจับกุมดำเนินคดีแบบ “ด่วนจี๋” ทนายอานนท์ กับ ภาณุพงศ์ เป็นความผิดพลาดสำคัญ! ถ้าจับกุมคุมขังแล้วให้ประกันตัวโดยมีเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวอีกต่อไป พวกเขาคงยอมติดคุกยาว (เพราะไม่งั้นก็คงไม่เดินหน้าปราศรัยมาจนถึงวันนี้)
คุมขังสองคนแรกก็เพียงพอแล้วที่จะจุดประกายลุกลามใหญ่ แล้วยิ่งถ้าไล่กวาดจับเพิ่ม (ตามรายชื่อเยาวชน นศ. เอ็นจีโอ อีกร่วม 30 คน) ก็เท่ากับจุดระเบิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดเหมือนระเบิดเลบานอนอย่างแน่นอน และถ้าเตรียมกำลังอาวุธเพื่อปราบอย่างรุนแรงเหมือนหลายครั้งในอดีต ก็เป็นเกมที่เสี่ยงมาก เพราะความเกลียดชังที่สะสมระอุมายาวนานในหมู่ ปชช. รวมทั้งปัจจัยความไม่แน่นอนทั้งใน และ ตปท.มีมากเกินกว่าจะควบคุมได้หมดแต่ถึงไง ผลลัพธ์ท้ายสุดจะต่างออกไปเพราะเผด็จการเผยโฉมหมดแล้ว ไม่มีอัศวินม้าขาว”