“นริศโรจน์ เฟื่องระบิล” อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา โพสต์ข้อความอธิบายเกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความละเอียดอ่อนว่าทำไมต้องปล่อยเด็กหญิงซูดานที่ติดเชื้อโควิดเข้าประเทศไทย ย้ำไม่มีใครทำผิด ทุกอย่างป็นไปตามกฎเกณฑ์สากล
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงข่าวระบุว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย หนึ่งในนั้นคือทหารวัย 43 ปี สัญชาติอียิปต์ เป็นลูกเรือที่ได้รับการยกเว้นตามข้อกำหนดมาตรา 9 ฉบับที่ 6 เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง อ.เมืองฯ จ.ระยอง แล้วไปทำภารกิจทางการทหารที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนจะเดินทางกลับวันที่ 11 ก.ค. อีกทั้งยังพบว่าทีมลูกเรือนี้ได้ออกจากโรงแรมไปยังห้างสรรพสินค้าบางแห่งในระยองอีกด้วย ทำให้สังคมต่างวิจารณ์ถึงการทำงานของรัฐบาลการ์ดตกเสียเอง
โดยหนึ่งในผู้ติดเชื้อที่เข้ามาในประเทศไทย คือเด็กหญิงอายุ 9 ขวบ ที่เดินทางมาจากภูมิภาคแอฟริกา พร้อมกับครอบครัวของคณะทูตซูดาน ซึ่งตรวจพบเชื้อตั้งแต่เดินทางเข้ามาผ่านท่าอาการศยานสุวรรณภูมิ แต่จำต้องปล่อยให้เข้ามาในประเทศเนื่องจากด้วยระบบสิทธิทางการทูต มีข้อยกเว้นว่าให้เข้ากักกันในพื้นที่ของสถานทูตเอง
โดยในเรื่องนี้ นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก Fuangrabil Narisroj เมื่อวันที่ 14 ก.ค. เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศว่ามีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนที่คนไทยยังไม่ทราบ และได้ระบุข้อความอธิบายให้เข้าใจว่า
“กรณีที่เกิดขึ้น นักการทูตต้องกักตัวเองตามระเบียบของรัฐผู้รับ (ในที่นี้คือไทย) ภายใต้สถานการณ์โควิด ก็ถูกต้องแล้ว นักการทูตต้องทำตามระเบียบของรัฐผู้รับด้วย คราวนี้ว่าถึงสถานที่กักตัว ในทางการทูต สถานทูตและที่พักของคณะทูตทุกคนอยู่ภายใต้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันที่รัฐผู้รับต้องดูแลให้การคุ้มกันและอารักขา
กรณีการ SQ เรามีข้อตกลงแต่แรกหรือเปล่าว่า นักการทูตต่างชาติต้องเข้าไป SQ ในสถานที่ที่รัฐผู้รับจัดให้? ถ้าเราไม่ได้เขียนระบุชัดแจ้ง เขาก็เลี่ยงได้ว่าเขาขอ SQ ในที่พักของเขา กรณีเด็กซูดาน ถ้าเขาถือว่าเขา SQ ในที่พักของเขาที่เป็นคอนโดฯ เพราะเราไม่ได้เขียนไว้ชัดเจน เขาก็ไม่ผิด
แต่ที่เราเดือดร้อนเพราะเด็กซูดานดันติดเชื้อ ซึ่งก็เปรียบเหมือนคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศอยู่ใน SQ แล้วติดเชื้อ แต่ต่างกันที่คนไทยติดเชื้อใน SQ ที่ไทยกำหนด ส่วนซูดานติดเชื้อใน SQ ที่เป็นที่พักของเขาซึ่งได้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน
ดังนั้น ล่าสุดข่าวว่า ศบค.ออกกฎเข้มว่านักการทูตต้องกักตัวก็ขอให้ระบุไปเลยว่าต้องเป็น SQ ที่ไทยเรากำหนด เอาให้ชัดๆ ไปเลย สำหรับเรื่องเที่ยวบินพิเศษนั้นทุกประเทศเขาเปิดช่องไว้หมดครับ เผื่อกรณีฉุกเฉิน และต้องร้องขอ diplomatic clearance เป็นกรณีๆ ไป เครื่องบินพิเศษที่ส่วนใหญ่เป็นเครื่องทหาร หรือเครื่องเช่าจากสายการบิน จะบินตามเส้นทางบินปกติของเครื่องบินพาณิชย์ไม่ได้ เพราะบางประเทศเขาห้ามเครื่องบินทหารบินผ่าน
ดังนั้น เครื่องบินทหารบางครั้งต้องบินอ้อม ซึ่งต้องลงจอดเป็นระยะๆ เพื่อเติมน้ำมัน เราจะไปจำกัดสิทธิหรือตัดสิทธิเครื่องบินเที่ยวบินพิเศษคนอื่นก็เท่ากับเราตัดสิทธิของเราเองด้วย ถ้าเกิดกรณีฉุกเฉิน เราก็ซวย สมมติเราต้องส่งเที่ยวบินพิเศษไปรับคนไทยที่ซูดาน (ซึ่งตอนนี้มีคนไทยไปทำงานที่ซูดาน เช่น ทหารไทยที่ไปปฏิบัติภารกิจภายใต้ UN เป็นต้น) และเครื่องอาจต้องแวะจอดที่อียิปต์ ถ้าเราไปตัดสิทธิเขา เขาก็ตัดสิทธิเราห้ามบินผ่านหรือห้ามจอดเช่นกัน
ดังนั้น ที่ผมออกมาเตือนคือ เราคนไทยด่ากันผิดประเด็น ไปด่า ผบ.ทบ. ด่าหมอทวีศิลป์ ด่า ศบค. กล่าวหาว่ารัฐให้สิทธิพิเศษปล่อยพวกนี้ออกมาเพ่นพ่าน เลือกปฏิบัติให้สิทธิพิเศษ Super VIP ซึ่งมันไม่ใช่!! ศบค.เขามีกฏออกมาแล้วต้อง SQ แต่อาจมีช่องโหว่ที่นึกไม่ถึง ก็ปิดช่องโหว่นั้นซะ ออกระเบียบให้ชัด ระบุไปเลยว่าต้องอยู่ในที่ๆเราจัดให้เท่านั้น ส่วนเที่ยวบินพิเศษถ้าขอบินผ่าน แวะเติมน้ำมัน เราก็อาจออกกฏให้เขา seal ตัวเองอยู่บนเครื่อง หรือภายใต้สถานที่จำกัดที่เรากำหนด เมื่อเข้ามาแล้วต้องรีบออกไป ห้ามเข้าเมือง อะไรแบบนี้เป็นต้น
ผมออกมาให้สติเตือนก็ถูกต่อว่า หาว่าปกป้องคนทำผิด!? ใครทำผิดครับ!?
เราทำถูกต้องมาตลอด ทุกอย่างเป็นไปตามสากลกฏเกณฑ์ทุกอย่าง แต่พอเกิดเหตุแทนที่จะมีสติกลับด่ากราด บางคนแรงถึงขนาดให้ขับไล่ออกนอกประเทศ ห้ามเที่ยวบินพิเศษเข้ามา ไปกันใหญ่เลย
หวังว่าคงจะพอเข้าใจกันบ้างนะครับ”