“ทนายตั้ม” โพสต์ข้อความแนะวิธีตรวจสอบเงินบริจาคของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ในการนำไปช่วยเหลือไฟป่าใน จ.เชียงใหม่ เผยหากพบความไม่บริสุทธิ์ใจ เจตนาหลอกคนให้โอนเงิน มีความผิดเข้าข่าย 3 ข้อหา
จากกรณี “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ชชื่อดังที่มีแฟนคลับติดตามหลายล้านคน หลังโพสต์คลิปวิดีโอการไปร่วมกิจกรรมปลูกป่าปลูกต้นไม้ร่วมลดปัญหาโลกร้อนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ แล้วเอ่ยชม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ว่าเป็นผู้ใหญ่น่ารัก ทำเอาทัวร์ลงจากทั่วสารทิศอย่างไม่หยุดหย่อน วิพากษ์วิจารณ์ว่าอ่อนต่อเรื่องการเมืองเกินไป กระทั่งมีคนเลิกติดตามไปพอสมควร
และ เมื่อเพจสายดาร์กชื่อดัง “แหม่มโพธิ์ดำ” ออกมาแฉหลังไมค์ที่มีลูกเพจรายหนึ่งส่งมา ถามหาเงินบริจาคที่หายไป หลัง “ฌอน” ได้เปิดรับบริจาคเพื่อหาเงินช่วยดับไฟป่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ระบุเปิดรับบริจาคใหญ่โต คนแชร์เพียบ กดไลก์เป็นแสน แต่ไม่เคยมีการเปิดเผยยอดบริจาค และไม่เคยได้รับสิ่งของจากฌอนเลย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่จบสิ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ทนายตั้ม หรือนายษิทธา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการทีมงานมูลนิธิทนายประชาชนฯ ได้โพสต์ข้อความแนะขั้นตอนสอบเงินบริจาคของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” เผยหากพิสูจน์ว่าตั้งใจหลอกคนให้โอนเงินมามีความผิดเข้าข่าย 3 ข้อหา โดย “ทนายตั้ม” ได้ระบุข้อความว่า
“กรณีฌอนเน็ตไอดอลชื่อดัง เปิดรับบริจาคช่วยดับไฟป่า หากสามารถพิสูจน์ได้ว่า ฌอนเจตนาหลอกคนให้โอนเงินมาแล้วตั้งใจเม้มเอาไว้ ก็จะมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ แต่ถ้าสมมติว่าฌอนเห็นเงินแล้วเกิดความโลภในภายหลัง เก็บไว้ใช้เองก็จะมีความผิดฐานยักยอกทรัพย์
ข้อหาฉ้อโกงประชาชนเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว แม้จะไม่ใช่ผู้เสียหายก็สามารถแจ้งความได้
คดีนี้แค่ตรวจสอบว่ามีคนโอนเงินให้ฌอนเท่าไหร่ ก็พอจะรู้เจตนาเบื้องต้นแล้ว เพราะฌอนบอกว่ามีคนโอนเงิน 875,741.53 บาท หากตรวจสอบแล้วมากกว่าที่ชี้แจง เท่ากับมีเจตนาทุจริตปิดบังยอดเงิน
ถ้าต้องการตรวจสอบเจ้าหน้าที่ต้องมีอำนาจก่อน เจ้าหน้าที่จะมีอำนาจต้องมีคนร้องทุกข์ หรือกล่าวโทษ แต่จู่ๆ จะไปแจ้งความเลยว่าเค้าฉ้อโกงประชาชน หรือนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยยังไม่มีหลักฐานก็กระไรอยู่ แนะนำว่าใครสงสัยเรื่องนี้ ไปยื่นเรื่องให้เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานกลางเช่น ปอท. ตรวจสอบ ว่า ฌอนได้นำข้อมูลเรื่องรับบริจาคเงินเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ หากตรวจสอบมีมูลก็กล่าวโทษ ดำเนินคดีต่อไป”
