xs
xsm
sm
md
lg

“หมอยง” โพสต์แจง ไข้หวัดหมูสายพันธุ์ใหม่ วอนอย่าตื่นตระหนก เผย เป็นเพียงการศึกษาของประเทศจีน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา โพสต์ข้อความอธิบาย ให้ความรู้เกี่ยวกับ “ไข้หวัดใหญ่หมู สายพันธุ์ใหม่ G4EAH1N1” ย้ำว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่เกิด เป็นเพียงการศึกษาไข้หวัดใหญ่ในหมู ของประเทศจีน

จากกรณี มีรายงานว่านักวิทยาศาสตร์จีนพบเชื้อไวรัสไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ระบาดในสุกร ที่มีชื่อว่า “G4 EA H1N1” ซึ่งสามารถติดต่อมาสู่มนุษย์ได้และอาจจะมีการแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งนักวิจัยกังวลว่าไวรัสดังกล่าวจะสามารถแพร่โรคจากมนุษย์สู่มนุษย์ได้ง่าย จนเกิดการระบาดใหญ่ทั่วโลก

ล่าสุด วันนี้ (1 ก.ค.) ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยา คลินิกภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับหัวข้อ “ไข้หวัดใหญ่หมูสายพันธุ์ใหม่ G4EAH1N1” ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Yong Poovorawan” เพื่ออธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับไข้หวัดใหญ่หมูสายพันธุ์ ดังกล่าว โดยได้ระบุข้อความว่า

“ไข้หวัดใหญ่หมู สายพันธุ์ใหม่ที่เป็นข่าว G4EAH1N1
เป็นข่าวที่ตื่นตระหนก ในความจริงที่ยังไม่เกิด ขออธิบายให้เข้าใจ เป็นสเต็ป อาจจะเข้าใจยากเสียหน่อย หมูเป็นสัตว์ที่พบไข้หวัดใหญ่อยู่แล้ว และมักจะไม่มีอาการ หมู จะเป็นตัวกลางที่ผสมให้เกิดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และเข้าสู่มนุษย์ได้ เมื่อเข้าสู่มนุษย์ ถ้าเป็นสายพันธุ์ใหม่ ทุกคนยังไม่เคยเป็นไม่มีภูมิต้านทานก็จะระบาดใหญ่ทั่วโลกได้ ไข้หวัดใหญ่ G4EAH1N1 เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่พบใน หมูประเทศจีน ชิ้นส่วนพันธุกรรมของไข้หวัดใหญ่จะมีทั้งหมด 8 ชิ้น จึงมีการแลกเปลี่ยนกันได้ G4 คือ genotype ที่ 4 EA คือ Eurasian avian และ H1N1 จึงเรียกเป็น G4EAH1N1 เป็นการผสมผสานของไวรัสไข้หวัดใหญ่ในหมูในนกและในคน เข้าเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ คล้ายกับครั้งหนึ่งที่เคยมีจุดเริ่มต้นที่เม็กซิโก แล้วระบาดใหญ่ทั่วโลกเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ยังไม่เกิด เป็นเพียงการศึกษาไข้หวัดใหญ่ในหมู ในประเทศจีนตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2018 ไข้หวัดใหญ่ในหมูมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอดในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา จากเดิมในอดีตไข้หวัดใหญ่ในหมู จะเป็นสายพันธุ์เดิม classical swine ต่อมามีการผสมผสาน เอาชิ้นส่วนของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ Euratian avian-like ซึ่งพบได้ตั้งแต่ก่อน 2010 เป็นสายพันธุ์ G1
หลังเกิดการระบาดด้วยไข้หวัดใหญ่ ทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ H1N1 2009 ชิ้นส่วนพันธุกรรมของ H1N1 2009 จึงเข้าไปผสมเป็นไส้ในของไข้หวัดหมู จึงเรียกสายพันธุ์นี้ว่า G2 ส่วน G4 มีการสอดแทรกสายพันธุ์อีก 1 ชิ้น triple-reassortant และพบมากขึ้นในช่วงระยะหลัง สายพันธุ์นี้จึงแตกต่างจาก G1 และ G2 ส่วน G 3, 5 และ 6 จะไม่ขอกล่าวในที่นี้

ทางการจีนทำการศึกษา พบว่า สายพันธุ์ลูกผสม G4 + EA (Eurasian avian-like) + Triple reassortant คือ การผสมชิ้นส่วน 3 สายพันธุ์ G4EAH1N1 ภูมิต้านทานที่เกิดจากการฉีดวัคซีนในปัจจุบัน ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่พบนี้ได้ การทดลองในสัตว์ พบการติดต่อได้ง่ายผ่านละอองฝอย และการสัมผัสโดยตรง สัตว์ทดลองมีอาการค่อนข้างรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น และศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยง ไวรัสตัวนี้เข้าติดเชื้อได้ง่ายในเซลล์เยื่อบุ โดยสรุปก็คือว่า G4EAH1N1 สายพันธุ์นี้พบในหมูที่ประเทศจีน ในระยะหลังจนถึงปี 2018 และจากการทดลองภูมิต้านทานที่ฉีดวัคซีนประจำฤดูกาลในคน ไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์นี้ได้ และไวรัสสายพันธุ์นี้ยังก่อโรคในสัตว์ทดลอง มีอาการมากกว่าสายพันธุ์อื่น และสามารถติดต่อได้ทั้งสัมผัสโดยตรงและทางฝอยละออง เหตุการณ์ทั้งหมดยังอยู่ในหมู ยังไม่เคยพบติดในคน และยังไม่มีการแพร่ระบาดในคนแต่อย่างใด เป็นการทดลองและมีสมมติฐานด้วยเหตุผลดังกล่าวในสัตว์ทดลอง ถึงจะพบในคน การพัฒนาวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก็สามารถทำได้ง่าย เป็นเพียงเปลี่ยนสายพันธุ์ให้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาด

ข่าวที่เกิดขึ้น เป็นเพียงทางการจีนเสนอผลงานทางวิชาการ ในวารสารที่มีชื่อเสียง PNAS และเป็นงานวิจัยที่ทำมายาวนาน และศึกษาแบบลึกซึ้ง เราอยากเห็นงานวิจัยแบบนี้ในบ้านเรา แต่ต้องเป็นการลงทุนที่เป็นจำนวนมาก และหวังว่า คงจะไม่ถูกถามว่า ทำวิจัยแบบนี้แล้วเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นไหม เพราะเป็นงานวิจัยพื้นฐาน ผมเคยถูกถามมาแล้วว่าทำแล้วขายได้หรือเปล่า”




กำลังโหลดความคิดเห็น