“อ.ทวีสุข” ชี้ คลื่นสึนามิล้มละลาย กระทบอุตสาหกรรมการบิน โรงแรม รถยนต์ แนะรัฐสื่อสารให้เข้าใจ หวั่นกู้เงินจมกองหนี้ สุดท้ายไปไม่รอดอยู่ดี เชื่อ ธปท.- ก.ล.ต. มาถูกทาง ระบบธนาคารในไทยจะไม่ล้มละลายแบบปี 40 ขอแค่คนในประเทศอย่าแพนิกข่าวลือ แห่ถอนเงิน ถอนกองทุน
วันที่ 29 มิ.ย. 63 อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมช่อง “นิวส์วัน” ในหัวข้อ “สึนามิล้มละลาย ภาค 2 โควิดตัวเร่งโละระบบโลก”
โดย อ.ทวีสุข กล่าวว่า คลื่นสึนามิการล้มละลาย เราจะเห็นภายในปีนี้ มันจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ในไตรมาสที่ 3 ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ของปีหน้า ตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจโลกและหลายๆ อย่าง เหมือนเรือกำลังจะวิ่งชนเทือกเขาน้ำแข็งใหญ่ ชนแน่ๆ แก้ได้เพียง 2 วิธี คือ ปล่อยให้ชนเต็มที่ หรือชะลอความเร็ว ให้ชนเบาที่สุด
สิ่งที่ทำวันนี้ จีนทำได้ เขาเริ่มวางโครงสร้างของนิวอีโคโนมิก ซึ่งวางมาประมาณ 5 ปีแล้ว เศรษฐกิจเขาก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่ จีนจะเหมือนเป็นตัวนำระบบโลกใหม่เลย โลกหลังจากนี้จะแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และแต่ละประเทศจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่จะมีจุดรวมซึ่งกันและกัน
ถ้าพวกระบบอุตสาหกรรมเก่าล้มละลาย มันจะทำให้ตัวระบบธนาคารทั่วโลกล้มละลายตามไปด้วย คนที่เข้ามาเป็นพระเอก คิดว่าน่าเป็นองค์กรกลางระดับโลก อย่าง IMF แล้วธนาคารโลกอาจเข้าให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับตัวธนาคาร และแทนที่ระบบด้วยการวางดิจิทัลเคอร์เรนซีเลย ซึ่งแบงก์ชาติของเราตอนนี้ก็ทำเฟสที่ 2 แล้ว เพื่อที่จะวางระบบ ระบบธนาคารก็เริ่มวางแพลตฟอร์ม นี่คือ โมเดลอันใหม่ ดังนั้น การทรุดตัวของเศรษฐกิจครั้งนี้ มันจะทำให้ระบบเก่าหายไปแบบฉับพลันเลย ซึ่งอุตสาหกรรมทั่วโลกกำลังเผชิญกับโจทย์ใหญ่ตรงนี้
อ.ทวีสุข กล่าวถึงกรณี ธปท.สั่งแบงก์พาณิชย์ห้ามจ่ายปันผล ห้ามซื้อหุ้นคืน ว่า เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ผู้คุมกฎ 2 ฝ่าย ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. กำลังใช้โมเดลลักษณะของการเป็น Active Management โดยธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นผู้นำในการตรวจสอบระบบความเสี่ยง ตนเข้าใจว่าทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ไม่ได้บอกสื่อ
มารอบนี้เห็นความเสี่ยง เนื่องจากทบทวนตัวเลขของผู้ยื่นชำระหนี้ และเข้าไปตรวจสอบ ในเวลา 2 เดือน ก็ค้นพบแล้วว่า นี่คือสึนามิลูกใหญ่ที่ก่อให้เกิดหนี้เสียของระบบธนาคาร ดังนั้น จึงต้องเก็บเงินเพื่อเป็นสำรองของระบบธนาคาร ตรงนี้แบงก์ชาติกล้าตัดสินใจ ตนไม่เชื่อว่า ระบบธนาคารในไทยจะเข้าสู่ภาวะล้มละลายแบบปี 40 ถ้าไม่มีใครไปวางยาให้เกิดแพนิก ถ้าการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทย และ ก.ล.ต. ทำงานร่วมกันแบบนี้ ซึ่งที่ทำอยู่มาถูกทาง แต่มันยังมีคลื่นใหญ่รออยู่
ปี 40 จุดเริ่มต้นมีการปล่อยข่าวให้เทขายตราสารหนี้ของ บลจ. แห่งหนึ่ง หลังจากนั้น มันลามไปถึงการถอนเงินจากธนาคาร มันเลยทำให้ทุกอย่างล้มเป็นโดมิโนไปหมด
ฉะนั้น พวกเราต้องระวัง จะมีกลุ่มคนที่อยู่ในอุตสาหกรรม พยายามที่จะปล่อยข่าว อย่างกรณีการเทขายตราสารหนี้ เทขายล็อตใหญ่จริง แต่ทำไมต้องปล่อยข่าวลือว่ามีการขายโน่นขายนี่ บางคนออกมาพูดว่าตราสารหนี้จะเริ่มไม่ดี ตราสารหนี้ในเมืองไทยอ่อนแอ แต่เห็นล่าสุดบอกให้รัฐบาลสร้างหนี้อีก 2 ล้านล้าน เพื่อไปอุ้มเอสเอ็มอี พวกนี้อยากให้ประเทศก่อหนี้ขึ้นไปจนถึงระดับที่สูงเกินกว่าจีดีพีที่เราจะรับได้ ก็คือ 60 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี ฉะนั้น ถ้าประเทศก่อหนี้ขึ้นไปแล้วไม่เกิดมูลค่า ปีหน้าหนักกว่านี้ เราไม่มีเครื่องมือทางการเงินเหลือแล้ว นี่คือเงินคงคลังก้อนสุดท้าย เราก่อหนี้เพิ่มไม่ได้แล้ว
อ.ทวีสุข กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่า วันนี้ ต้องมีการบาดเจ็บล้มตาย แต่ขอให้สื่อสารให้ทุกคนเข้าใจว่าเขาไปต่อไม่ไหวแล้ว ไม่ใช่ผลัดไปทีละเดือนๆ ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะจมกองหนี้ สมมติเขาตัดตอนนี้เลย เจ็บแต่จบ แต่ถ้าจะต้องลากต่อไปจนถึงสิ้นปี จะไปขอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปรากฏหนี้เต็มหมด แต่กิจการก็ไม่รอดอยู่ดี การส่งสัญญาณแบบนี้ ขณะนี้รัฐบาลกำลังเป็นตัวปัญหาหรือเปล่า และฝ่ายที่กำลังช่วงชิงรัฐบาลกำลังสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาหรือเปล่า ในขณะที่ผู้คุมกฎกำลังบริหารเพื่อลดความเสี่ยง
โจทย์ตรงนี้ต้องตีให้ออก เช่น อุตสาหกรรมการบิน ต้องคุยกับตัวเองว่าอยู่ต่อไปไหม เพราะวันนี้การเปิดการท่องเที่ยวทั่วโลก คงไม่เกิดขึ้นแน่ๆ ในระยะ 6 เดือนต่อจากนี้ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโรงแรม
ระลอกถัดไป อุตสาหกรรมรถยนต์ เราเริ่มเห็นแล้วว่าอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มต้องมีการเปลี่ยนโครงสร้าง อุตสาหกรรรมการบริการ พวกนี้ต้องคุยหาทางออกแล้ว ไม่เช่นนั้น จะตีกลับเป็นหนี้เสียของธนาคาร ซึ่งตอนนั้นธนาคารก็ยากที่จะรับมือ ต้องใช้คำว่บริหารวิกฤตในระดับสูงสุด เพราะตอนนี้มันทรุดพร้อมกันทั้งโลก
ธนาคารก็ต้องตีโจทย์ให้ออกว่าควรปล่อยกู้ให้อุตสาหกรรมนั้นๆ มั้ย เพราะปัญหาตอนนี้ทุกคนตีโจทย์สภาวะไม่ออก ถ้าใส่เข้าไปแล้วต้องล้ม ควรบอกเขาเลย ต้องทำ Exit Strategy (ยุทธศาสตร์ทางออก)
อ.ทวีสุข กล่าวปิดท้ายว่า ฝากทุกคนอย่าแพนิก หากมีข่าวลือ แล้วแห่ไปถอนเงิน ถอนกองทุน อันนี้เป็นปัญหา จะไม่สามารถรับมืออยู่ ตอนนี้ผู้เกี่ยวข้องบริหารความเสี่ยงตรงนี้อยู่แล้ว