รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความ ไม่เห็นด้วยเรื่องรับผู้ป่วยต่างชาติมารักษาในไทยเพื่อหาเงินเข้าประเทศ ชี้ ได้ไม่คุ้มเสียและเสี่ยงมาก ด้าน การเปิดโรงเรียน ผับ บาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวด ยังต้องจับตาดูเป็นพิเศษ เพราะเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง
วันนี้ (26 มิ.ย.) รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thira Woratanarat” กล่าวถึงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย และความน่าเป็นห่วงจากการเปิดเทอมที่จะมาถึงในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ อาจจะต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิด โดย หมอธีระ ให้เหตุผลว่า
“หากติดเชื้อวันละ 2-3 คนต่อไปเรื่อยๆ กราฟการระบาดของไทยจะแตะเส้น 2% ณ 3 สิงหาคม 2563 โดยเฉลี่ยแล้ว ในรอบ 21 วันที่ผ่านมา ไทยติดเชื้อเพิ่มวันละ 3.1 คนต่อวัน โดยทั้งหมดเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ แต่หากดูเฉพาะในช่วง 14 วันที่ผ่านมา ไทยติดเชื้อเพิ่มประมาณวันละ 2.36 คนต่อวัน
นับจากวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เป็นต้นไป อาจต้องติดตามใกล้ชิด เพราะการเปิดโรงเรียนกว่าสามหมื่นแห่ง รวมถึงผับ บาร์ คาราโอเกะ และอาบอบนวดนั้น จัดเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูงมากๆ ทั้งในแง่จำนวนคน ความใกล้ชิด และรายละเอียดของกิจกรรมแต่ละอย่างนั้น ล้วนเป็น “ความเสี่ยงหลัก” ของการแพร่เชื้อไวรัสโรค COVID-19 ทั้งสิ้น ประเทศอื่นๆ ที่เปิดกิจการลักษณะนี้ ไม่มีรอดจากระลอกสองเลย แต่หวังใจไว้ลึกๆ ว่า ไทยเราจะสร้างประวัติศาสตร์ได้ เพราะเราใช้ยุทธวิธี ค่อยๆ เปิดทีละขั้น พร้อมกำชับ รณรงค์ และตั้งกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้ทุกคนช่วยกันทำ หลายส่วนก็ทำ บางส่วนอาจไม่ได้ทำบ้าง แต่สุดท้ายก็สามารถยื้อไม่มีเคสใหม่ในประเทศมากว่า 4 สัปดาห์ได้อย่างน่าภูมิใจ
ที่น่าเป็นห่วงคือ การแง้มประตูประเทศ รับชาวต่างชาติอีกราว 23,000 คนเข้ามา โดยเป็ดให้กลุ่มนักธุรกิจ ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานฝีมือ และคนที่มีครอบครัวกับคนไทย ทั้งนี้ มองเรื่องความจำเป็นในเชิงสังคมและเศรษฐกิจ จึงมีการอนุโลมให้เข้ามา แต่ยังคงต้องยึดมั่นในกฎระเบียบมาตรฐานด้านการคัดกรอง ติดตาม และกักตัวเฝ้าสังเกตอาการ 14 วัน เอาใจช่วยให้รัฐ และฝ่ายปฏิบัติการหน้างานได้ทำงานอย่างเต็มที่ เคร่งครัด และกรุณา “อย่าลดมาตรฐานเพื่อเอาใจ” เพราะจะต้องแลกด้วยความเสี่ยงต่อชีวิตของประชาชนทุกคนในประเทศ
เรื่องรับผู้ป่วยต่างชาติมารักษาในไทยเพื่อหาเงินเข้าประเทศนั้น จัดเป็นแนวคิดที่ไม่ควรนำมาใช้ดำเนินการ ได้ไม่คุ้มเสีย และเสี่ยงมาก
เฉกเช่นเดียวกับการรับนักท่องเที่ยว จะแบบฟองสบู่หรือไม่ฟองสบู่ก็แล้วแต่ การดื้อดึง ดึงดัน ผลักดันสุดลิ่มทิ่มประตูแบบที่เห็นอยู่นั้น “เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้” และคงต้องช่วยกันจับตามอง “กลุ่มไอ้โม่ง” อย่างใกล้ชิด
อย่าให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยการสนับสนุนแข่งรถช่วงโรคระบาด หน้ากากล่องหน หวัดธรรมดา ยาเสพติดรักษาสารพัดโรค หักหัวคิวโรงแรม วันนี้มีรายงานติดเชื้อใหม่ 4 คน เป็นคุณผู้หญิงทั้งหมด เดินทางจากแอฟริกา และตะวันออกกลาง ขอให้ปลอดภัยและหายไวไว ตอนนี้ยอดรวม 3,162 คน หลัง 1 กรกฎาคม ขอให้เราตั้งการ์ดให้เข้มแข็งนะครับ ออกจากบ้านก็ใส่หน้ากากเสมอ...ล้างมือบ่อยๆ...อยู่ห่างคนอื่น 1 เมตร... พูดน้อยๆ...พบปะคนน้อยลงสั้นลง...เลี่ยงที่อโคจร...หมั่นสังเกตอาการของตนเองและครอบครัว...ช่วงหยุดยาว 4-7 กรกฎาคม ตรงกับช่วงเวลาฟักตัวของโรคหากมีการติดเชื้อตั้งแต่วันปลดล็อกระยะที่ 5 ดังนั้น ถ้าไม่ตะลอน ก็จะดีมากนะครับ แต่หากจะตะลอน ต้องตะลอนเที่ยวอย่างมีสติครับประเทศไทยต้องทำได้...ด้วยรักต่อทุกคน”