เรียกได้ว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ทางดนตรีในบ้านเรา ที่เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันจริงๆ สำหรับไลฟ์คอนเสิร์ต “Music Share” ที่จัดขึ้นโดยการร่วมมือกันของทาง Lido Connect, KITCH และ INVATE Studio ซึ่งในไลฟคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีความแตกต่างจากคอนเสิร์ตปกติ โดยมีการนำลูกเล่นต่างๆ มาประยุกต์เข้ากับการแสดงในบทเพลงต่างๆ ซึ่งมี 4 ศิลปิน มาร่วมกันถ่ายทอดประสบการณ์ดังกล่าว ได้แก่ LAZYLOXY, NICECNX, AMMY THE BOTTOM BLUES และ นะ POLYCAT โดยมี คิตตี้-ชิชา อมาตยกุล ผู้รับหน้าที่ Concert Director เป็นผู้อยู่เบื้องหลังไลฟ์คอนเสิร์ต ในครั้งนี้
อยากให้เล่าถึงประสบการณ์ในการมาเล่นในคอนเสิร์ตครั้งนี้หน่อยครับ
Nicecnx : สำหรับผม งานนี้ก็มีความพิเศษ มากๆเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศิลปินทุกท่านที่มาร่วมงาน และที่พิเศษมากๆ สำหรับเราก็คือ ผมได้มีโอกาสครั้งแรก ที่จะได้เซอร์ไพรซ์ทุกคน ได้ร่วมร้องเพลงคู่กับพี่นะ ซึ่งแฟนๆ ที่ร่วมชมผ่านทางหน้าจอ ก็มีคอมเมนท์ว่าอยากเห็นผมกับพี่นะได้มาร้องเพลงด้วยกันมาตลอดเลยครับ ซึ่งในที่สุดตอนเสิร์ตครั้งนี้ ผมก็ได้มาร่วมร้องเพลงกับพี่เขาจริงๆ
LazyLozy : คิดถึงการเล่นคอนเสิร์ตแบบนี้ครับ คิดถึงมากๆ ก่อนเริ่มงานก็มีคิดไว้ว่าอยากจะได้เล่นเพลงไหนเพลงไหนบ้าง ก็ดีมากๆเลยครับ
แอมมี่ The Bottom Blue : ก็เป็นครั้งแรกกับหน้าที่ music director แล้วก็เป็นประสบการณ์ใหม่ เพราะว่ามันเหมือนเป็นการ Genre Blending เป็นการเอาศิลปินที่ค่อนข้างจะมีแนวดนตรีแตกต่างกันมาครอสกัน แล้วทำให้มันออกมากลมกลืนมากที่สุด แล้วก็การมาเจอน้องๆเนี่ย อย่างพี่นะก็จะมีการเจอกันอยู่แล้ว แต่ว่าการเจอ lazyloxy กับ nicecnx ก็เป็นอีกศาสตร์หนึ่งเหมือนกัน เช่น การใช้ autotune วิธีการใช้ไมค์ หรืออะไรที่เราไม่เคยเจอก็เป็นประสบการณ์ใหม่ครับผม
นะ Polycat : ก็สนุกมากครับ ในงานมีเซอร์ไพรส์กันเยอะมาก จริงๆแค่ผมได้กลับขึ้นไปร้องเพลงในรอบหลายๆเดือนก็น่าจะสร้างความแปลกใจให้กับแฟนๆแล้ว แต่ในงานยังมีซีนมีช่วงต่างๆที่คอยเซอไพรซ์กันอีกตลอดด้วย ถ้าใครที่ได้ดูแล้วก็คงเห็นนะครับ ถ้าใครยังไม่ได้ดูก็รีบไปตามย้อนดูกันนะครับ
คอนเสิร์ตครั้งนี้มีความแตกต่างจากการเล่นคอนเสิร์ตแบบปกติยังไงบ้าง
Nicecnx : ต่างกันอยู่นะครับ อย่างผมพึ่งปล่อยเพลง ‘รักดี’ ออกมา ผมอยากมาร้องในคอนเสิร์ต อยากมาดูว่าแฟนๆฟังแล้วชอบไหม แฟนๆฟังแล้วร้องตามกันได้รึเปล่า เพราะผมว่าเพลงนี้มันก็มีความซับซ้อนของมันอยู่ แต่พอเป็นงานไลฟ์แบบนี้เราก็ไม่ได้เห็นปฏิกิริยาแฟนๆที่มาตามดูเรา ไม่รุ้ว่าเค้าดูแล้วชอบไหม ร้องตามได้ไหม
LazyLozy : เวลาร้องเพลงผมก็ยังเป็นตัวเองอยู่ครับ แต่ก็ได้ลองเล่นอะไรใหม่ๆหลายอย่างในคอนเสิร์ตนี้เหมือนกัน
แอมมี่ The Bottom Blue : มีความแตกต่างในทุกรูปแบบเลย ในแง่ของการวางเครื่องเสียง วางอุปกรณ์ แน่นอนว่าเป็นอีกรูปแบบนึง แต่ว่าสิ่งที่สนุกคือเราสามารถใช้พื้นที่สร้างอะไรได้เต็มความจุของโรง เพราะว่าไม่ได้มีผู้ชมสด ก็เป็นความแปลกใหม่ที่ได้เรียนรู้ครับ
นะ Polycat : ผมคิดถึงคอนเสิร์ตมากๆครับ อยากกลับมาร้องอยากกลับมาเล่นดนตรีกันแบบนี่อีก อยากเจอทุกๆ คนด้วยครับ แต่ก็เสียดายมากๆ ที่ไม่สามารถเจอกันได้
ตอนนี้เริ่มมีความคุ้นชินกับรูปแบบชีวิต ‘New Normal’ บ้างรึยัง และสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนจากวิถีชีวิตก่อนหน้านี้มีอะไรบ้าง
Nicecnx : ช่วงกักตัวที่ผ่านมานี้ ผมก็ไม่ได้ออกไปไหนเลยครับ Social Distance อยู่บ้าน ไม่ได้เจอใครเลย การเล่นคอนเสิร์ตการโชว์มันก็ไม่เหมือนเดิม ผมก็คิดถึงการเล่นคอนเสิร์ตบนเวทีใหญ่ๆมากครับ พอมาได้มาเล่นงานนี้ก็หายคิดถึงไปได้บ้างครับ
LazyLozy : เรื่องการใช้ชีวิตก็เรื่อยๆครับ เริ่มชินเริ่มอยู่ตัวบ้างแล้ว
แอมมี่ The Bottom Blue : ปกติเราเป็นคนใส่รองเท้าอยู่ในบ้าน แต่ตอนนี้ต้องถอด เพราะเดี๋ยวเชื้อโรคเข้า แล้วก็คงต้องถอดไปอีกเป็นประจำ ลักษณะนี้ถือเป็นวิถี new normal รึเปล่า (หัวเราะเบาๆ) แต่ถ้าเป็นในด้านแบบทำงานทำเพลง ก็คือว่าการทำคอนเสิร์ตครั้งนี้แหละเป็นการเริ่มต้นอะไรที่น่าจะมีโอกาสได้ทำอีกในระยะยาว เพราะว่าจะเป็นรูปแบบคอนเสิร์ตแบบที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น ใน new normal life
นะ Polycat : ช่วงนี้ก็อยู่ๆกับตัวเองครับ ก็ไม่ได้ร้องเพลงเล่นดนตรีมานานเลยครับ ก็จะคิดถึงการเล่นดนตรีมากๆ หน่อยอย่างที่บอกไป แต่ในช่วงนี้ ผมฟังๆ เพลงแล้วก็ไปชอบเพลง อยากมองเธอในแง่ร้าย ของพี่โป้ yokee playboy ด้วยครับ ผมก็ไม่รู้นะ ว่าผมตีความแบบของผมเองเหมือนคนทั่วไปไหม ผมตีความว่า เวลาเราจะชอบอะไรสักอย่าง แล้วเราครอบครองไม่ได้ เรารุ้อยู่แล้วว่าเราจะต้องพลาดสิ่งนั้น เราจะมองว่าสิ่งนั้นมันไม่ดีหรอก เพื่อที่จะปลอบใจตัวเอง
เช่น อยากได้กีตาร์ตัวหนึ่ง แต่มันแพงมากๆ หรือมีคนมาซื้อตัดหน้าไป เราก็จะคิดว่ามันไม่ดีหรอก ซื้อไปแปปๆเดียวมันก็คงพัง อยากมองเธอในแง่ร้ายมันก็ประมาณนั้นครับ เราอยากไปมองผู้หญิงคนหนึ่งที่เราแอบชอบว่า เค้าแย่ เค้าไม่น่าจะดีหรอก
เค้าไม่น่าจะอยู่ด้วยแล้วมีความสุข แต่ความจริงคือสิ่งเหล่านี้เราคิดขึ้นเพื่อปลอบใจตัวเองเฉยๆครับ
หากได้กลับมาเล่นแบบเดิม คิดว่าจะต้องมีความระวังในเรื่องไหนและป้องกันจากโรคยังไงต่อครับ
Nicecnx : ก็อาจจะต้องทดลองรูปแบบใหม่ๆกันไปเรื่อยๆก่อนครับ
LazyLozy : ผมคิดว่ามันก็ต้องระวังกันแบบที่ทำตอนนี้ไปก่อนครับ รอๆดูกันไปก่อน
แอมมี่ The Bottom Blue : ถ้าเกิดเป็นแบบส่วนตัวจริงๆ ในเรื่องของการจับมือ และ การถ่ายรูป ก็คงจะห้ามกันไม่ค่อยได้ คงเหมือนเดิม แต่หลักๆ ของเรา น่าจะเป็นเรื่องไมโครโฟน เพราะว่าจะต้องใช้ร่วมกันกับ technician ใช้ร่วมกันกับ Sound Engineer รวมถึง มีการใช้ร่วมกับอีกหลายคน ก็อาจจะต้องมีการแบบทำความสะอาดกันบ่อยๆหน่อย technician ก็อาจจะต้องช่วยพกแอลกกอฮอล์เช็ดไมค์ไว้ตลอดเวลา น่าจะประมาณนี้ครับ
ภาพรวมจากการจัดงานในครั้งนี้มีความพอใจอะไรยังไงบ้าง
คิตตี้ : เราพึงพอใจกับการที่ได้เห็นศิลปินคนละแนวเพลงมาครอสโอเวอร์กัน และสร้างสรรค์งานร่วมกันโดยไม่มีกติกาหรือกรอบ รวมถึงได้เห็นถึงการทำโชว์ที่เป็นภาพใหญ่รวมไปถึงการใช้พื้นที่ การจัดไฟ การใช้มุมกล้องต่างๆว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง
สิ่งที่จะต้องมีการพัฒนาหรือปรับปรุง มีอะไรบ้าง
คิตตี้ : มีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราเชื่อว่าการมีคนดูสดๆ การได้ยินเสียงเชียร์ หรือได้ยินคนร้องตามมันคือการเติมพลังให้ทั้งทีมงานและตัวศิลปินเอง ซึ่งในการทำครั้งที่ เราขาดสิ่งนี้ไป แต่ในเวลาเดียวกันเราก็เล่นสนุก กับพื้นที่และลูกเล่นต่างๆได้เต็มที่
คอนเสิร์ตครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณอ้อมๆ ว่า นักดนตรี มีความพร้อมต่อสถานการณ์ในปัจจุบันด้วยมั้ย
คิตตี้ : เราว่านักดนตรีทุกคนพร้อมเสมอสำหรับทุกๆ สถานการณ์ ในโลกช่วงที่ผ่านมาก็มีนักดนตรีหลายคนที่ออกมาส่งต่อกำลังใจให้กับคนอื่นๆด้วยการใช้ความสามารถทางดนตรี แล้วก็เชื่อว่าถ้าเราหาเวทีหรือพื้นที่ให้พวกเขาได้แสดงออก เขาก็จะสามารถส่งต่อกำลังใจได้ดียิ่งขึ้น
ถ้ากลับมาเล่นแบบปกติแล้ว ทางผู้จัดคิดว่าบรรยากาศของดนตรีในบ้านเราจะกลับมาเหมือนเดิมหรือใกล้เคียงมั้ย
คิตตี้ : คำว่าปกติคงอาจจะเปลี่ยนไป มันคงไม่มีทางเหมือนเดิมได้ 100% แต่เรายังเชื่อว่า ดนตรีเป็นหนึ่งในยารักษาความอ่อนล้าของจิตใจได้ดีที่สุด เมื่อคนฟังสามารถกลับมาฟังได้ กลับมาดูวงเล่นสดได้ คนก็น่าจะกลับมาคึกคักขึ้น
เรื่อง : สรวัจน์ ศิลปโรจนพาณิช
ภาพ : ไลฟ์คอนเสิร์ต Music Share