ล็อกดาวน์มานานได้เวลาเที่ยว ส่องความคุ้มแพกเกจ “เราไปเที่ยวกัน” รัฐบาลออกค่าที่พักให้ 40% พบจ่ายสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท ไม่เกิน 5 คืน ส่วนที่เหลือจ่ายเอง รับสิทธิสองต่อ ส่วนลดตั๋วเครื่องบิน 40% สูงสุด 1,000 และรับ E-Voucher ติดกระเป๋าวันละ 600 บาท
ทีมข่าวโซเชียลมีเดีย MGR Online ... รายงาน
จากกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด-19 โดยรายละเอียดและเงื่อนไขแยกเป็น 3 แพกเกจ คือ
“กำลังใจ” สำหรับบุคลากรทางการแพทย์เป็นการมอบงบประมาณศึกษาดูงานแบบอบรม สัมมนา ผ่านผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือรัฐบาลจ่ายให้ 2,000 บาทต่อคน
“เราไปเที่ยวกัน” สำหรับประชาชนทั่วไป เป็นส่วนลดค่าจองห้องพักโดยช่วยจ่ายค่าห้องพัก 40% ต่อคืน ไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน และยังได้รับเงินเที่ยวเป็น E-Voucher ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” 600 บาทต่อคืน งบประมาณ 18,000 ล้านบาท
และ “เที่ยวปันสุข” สำหรับประชาชนทั่วไป เป็นส่วนลดค่าเดินทางทั้งตั๋วเครื่องบิน ค่ารถเช่า โดยรัฐช่วยจ่าย 40% สูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท งบประมาณ 2,000 ล้านบาท
ทั้ง 3 แพกเกจมีระยะเวลาโครงการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 31 ตุลาคม 2563 โดยแพกเกจ “เราไปเที่ยวกัน” และ “เที่ยวปันสุข” ประชาชนจะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ ที่ธนาคารกรุงไทยจะพัฒนาระบบขึ้นมา และจะเปิดตัววันที่ 1 กรกฎาคม 2563
- ส่องความคุ้ม “เราไปเที่ยวกัน” รัฐช่วยออกให้ 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาท
หนึ่งในแพกเกจที่รัฐบาลให้ความเห็นชอบ คือ “เราไปเที่ยวกัน” เป็นการให้นักท่องเที่ยวลงทะเบียนรับสิทธิจองห้องพักผ่านแพลตฟอร์มของธนาคารกรุงไทย และจองห้องพักผ่านเว็บไซต์
โดยราคาห้องพักนั้น มีเงื่อนไขสำหรับผู้ประกอบการโรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ คือ ต้องไม่สูงกว่าที่เสนอขายผ่านเว็บจองที่พักออนไลน์ (Online Travel Agency) เช่น อโกดา บุ๊กกิ้ง เอ็กซ์พีเดีย ทราเวลโลกา ฯลฯ
ประชาชนที่สนใจจะต้องเข้ามาดูรายชื่อโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในเว็บไซต์ที่รัฐบาลกำหนด และทำการจองกับโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเท่านั้น โดยจะต้องจ่ายเงินให้กับโรงแรมที่พักทันทีในอัตรา 60% เพื่อให้โรงแรมมีเงินไปหมุนเวียน
โครงการนี้ไม่สามารถจองผ่านเว็บจองที่พักออนไลน์อื่นๆ ได้ ต้องเป็นช่องทางเว็บไซต์ที่รัฐบาลกำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งจะชี้แจงและสร้างความเข้าใจกับประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการ ก่อนเปิดตัวเว็บไซต์ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563
ส่วนที่เหลืออีก 40% รัฐบาลจะโอนเงินให้ให้กับโรงแรมหลังผู้ไปเที่ยวเช็กเอาต์ไปแล้ว แต่ไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องต่อคืน สูงสุดไม่เกิน 5 คืน หรือเท่ากับ 15,000 บาทต่อห้อง
สมมติว่า ราคาค่าห้อง 1,000 บาทต่อคืน ประชาชนจะต้องจ่ายให้โรงแรม 600 บาทต่อคืน รัฐบาลจ่ายให้ 400 บาทต่อคืน หากเข้าพัก 5 คืน ประชาชนจะต้องจ่ายทั้งหมด 3,000 บาท รัฐบาลจะจ่ายส่วนที่เหลือให้ 2,000 บาท
ราคาค่าห้อง 7,500 บาทต่อคืน ประชาชนจะต้องจ่ายให้โรงแรม 4,500 บาทต่อคืน รัฐบาลจ่ายให้ 3,000 บาทต่อคืน หากเข้าพัก 5 คืน ประชาชนจะต้องจ่ายทั้งหมด 22,500 บาท รัฐบาลจะจ่ายส่วนที่เหลือ 15,000 บาท
แต่ถ้าราคาค่าห้อง 10,000 บาทต่อคืน ประชาชนจะต้องจ่ายให้โรงแรม 7,000 บาทต่อคืน เพราะรัฐบาลจ่ายให้สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคืน หากเข้าพัก 5 คืน ประชาชนจะต้องจ่ายทั้งหมด 35,000 บาท รัฐบาลจะจ่ายส่วนที่เหลือ 15,000 บาท
- รับสิทธิสองต่อ ส่วนลด 40% ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ แถม “อี-วอเชอร์” อีก 600 บาท
หลังทำรายการจองโรงแรม ที่พัก โฮมสเตย์ จากแพ็กเกจ “เราไปเที่ยวกัน” แล้ว จะได้รับสิทธิสองต่อ ได้แก่
ต่อที่ 1 รับสิทธิจองบัตรโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ในแพกเกจ “เที่ยวปันสุข” โดยลงทะเบียนผ่านแพลตฟอร์มธนาคารกรุงไทย เพื่อรับ Promotion Code โดยรับส่วนลดไม่เกิน 40% หรือไม่เกิน 1,000 บาทต่อรหัสการจอง จำกัดเพียง 2 ล้านใบเท่านั้น
ต่อที่ 2 รับ E-Voucher ผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” ของธนาคารกรุงไทย (ที่เคยใช้ในโครงการ “ชิมช้อปใช้” ของรัฐบาล) 600 บาทต่อคืน ในวันที่ผู้จองที่พักเข้าเช็กอินที่โรงแรมที่พักในวันแรก
โดยจะจ่ายทุกวัน วันละ 600 บาท สูงสุดไม่เกิน 5 คืน และต้องใช้ให้หมดภายในวันที่เช็กเอาต์ก่อนเที่ยงคืน สามารถนำไปใช้เป็นค่าอาหารและแหล่งท่องเที่ยว โดยมีร้านอาหารที่คาดว่าจะเข้าร่วมโครงการ 36,755 ร้านค้าทั่วประเทศ
ปัจจุบัน แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้อัปเกรดเวอร์ชันใหม่ คนที่เคยติดตั้งและลบไปแล้วสามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ และเข้าสู่ระบบโดยใช้เบอร์โทรศัพท์ที่เคยลงทะเบียนชิมช้อปใช้ แล้วรอรับรหัส OTP ผ่าน SMS เพื่อเข้าสู่ระบบต่อไป
- ส่องวันหยุดก่อนเที่ยว อีกทางเลือกคือ “ลาพักร้อน”
หากพิจารณาวันหยุดนักขัตฤกษ์ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงตุลาคม 2563 (ไม่รวมที่รัฐบาลจะชดเชยวันหยุดเทศกาลสงกรานต์) จะมีวันหยุดนักขัตฤกษ์ รวม 5 วัน ได้แก่
- วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม 2563 ชดเชยวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา (หากรวมวันเสาร์-อาทิตย์ เท่ากับหยุดยาว 3 วัน)
- วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม 2563 วันเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (หากรวมวันเสาร์-อาทิตย์ และใช้สิทธิลาหยุด 1 วัน เท่ากับจะได้หยุดยาว 4 วัน)
- วันพุธที่ 12 สิงหาคม 2563 วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และวันแม่แห่งชาติ
- วันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2563 วันคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (หากรวมวันเสาร์-อาทิตย์ และใช้สิทธิลาหยุด 1 วัน เท่ากับจะได้หยุดยาว 4 วัน)
- วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม 2563 วันปิยมหาราช (หากรวมวันเสาร์-อาทิตย์ เท่ากับหยุดยาว 3 วัน)
นอกจากนี้ ยังมีเทศกาลและประเพณีที่ไม่ใช่วันหยุดราชการ ได้แก่ วันพุธที่ 2 กันยายน 2563 วันสารทจีน ส่วนวันลอยกระทงปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม 2563 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของโครงการพอดี
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้รัฐบาลสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวรับสิทธิ์ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ สูงสุดไม่เกิน 5 คืน เพราะฉะนั้นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับมนุษย์เงินเดือนก็คือ การใช้สิทธิลาพักร้อน ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัท
- “เชียงใหม่” จังหวัดยอดฮิตหลังคลายล็อก พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว
ผลสำรวจ “พฤติกรรมท่องเที่ยวของคนไทยหลังคลายล็อกดาวน์” ของ “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต พบว่า 5 จังหวัดที่คนไทยอยากเที่ยวมากที่สุด อันดับ 1 ได้แก่ เชียงใหม่ 31.00%
รองลงมา อันดับ 2 ประจวบคีรีขันธ์ 28.14% อันดับ 3 กรุงเทพมหานคร 19.35% อันดับ 4 ชลบุรี 18.55% และอันดับ 5 กาญจนบุรี 11.92%
นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมมือกันวางแผนการฟื้นฟูแผนการท่องเที่ยวของจังหวัด ให้กลับมาสร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ดีขึ้น
โดยจะปฏิบัติตามมาตรการที่คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด พร้อมเตรียมสถานที่และการให้บริการแบบ New Normal เพื่อให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
อนึ่ง ปัจจุบันจังหวัดเชียงใหม่ได้มีมาตรการในกรณีเดินทางภายในประเทศ โดยต้องกรอกแบบฟอร์ม ชม.1 (เดินทางโดยเครื่องบิน) หรือ ชม.2 (เดินทางโดยยานพาหนะอื่นๆ) หรือกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ในระบบ CM-ชนะ ผ่านคิวอาร์โค้ด
หากผู้เดินทางไม่พบเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโควิด-19 หรือเป็นพาหะนำโรค สำหรับผู้โดยสารที่ไม่มีอาการ ไม่ต้องกักกันตนเอง แต่ให้สังเกตอาการ หากมีอาการผิดปกติให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที
ส่วนจังหวัดอื่นๆ เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชลบุรี และกาญจนบุรี สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถประจำทาง โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำ ได้แก่ สวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือบ่อยครั้ง และรักษาระยะห่างอย่างเคร่งครัด