ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ย้ำชัด รัฐบาลมีความจำเป็นกู้เงินเยียวยาประชาชน ช่วงวิกฤตโควิด-19 พร้อมเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ แชร์ลูกโซ่อย่างยั่งยืน
วันนี้ (26 พ.ค.) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า การประชุมวาระการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 3 ฉบับ ทั้ง พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563, พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ. 2563, พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 ในระหว่างวันที่ 27-29 พ.ค.นี้ ตนเชื่อมั่นว่า รัฐบาลมีความตั้งใจแก้ปัญหาของประชาชนในทุกมิติ และช่วยเหลือภาคธุรกิจในหลายๆ ด้าน รวมถึงตนได้ลงพื้นที่ในกรุงเทพฯ ทั้ง เขตบางกอกน้อย เขตลาดพร้าว เขตตลิ่งชัน ก็รับฟังปัญหาจากชาวบ้าน และเห็นถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องกู้เงินเพื่อมาอัดฉีดในการช่วยเหลือประชาชน
“ทั้งนี้ วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา คณะทำงานศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. ได้ร่วมหารือกับวิปรัฐบาล อาทิ นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.สุราษฎร์ธานี และ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.พัทลุง เพื่อแลกเปลี่ยนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และหารือเกี่ยวกับกฎหมาย 4 ฉบับที่จะเข้าสู่สภา อย่างไรก็ตาม ขอวิงวอนฝ่ายค้านให้พูดความจริงนำเสนอข้อมูลจริง เพื่อประชาชนและประเทศชาติจะได้ประโยชน์สูงสุด”
นายสามารถ กล่าวอีกว่า นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.เขต 2 จ.สงขลา และ นายภูดิท อินสุวรรณ์ ส.ส.เขต 2 จ.พิจิตร ในฐานะคณะทำงานศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. ได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนพ่อแม่พี่น้องประชาชน ซึ่งทั้งสองจังหวัดมีปัญหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่ และหนี้นอกระบบจำนวนมาก ทั้งนี้ หลังจากปลดล็อกมาตรการต่างๆ คาดว่า จะมีผู้เสียหายเดินทางมาขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. ซึ่งจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว
ด้าน นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.เขต 2 จ.ภูเก็ต เปิดเผยว่า ตนเองได้ลงพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต พร้อมรับฟังปัญหาหนี้นอกระบบ โดยตนมีแนวคิดการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบแบบยั่งยืน และจะนำเรื่องเข้าสู่สภาเพื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญแก้ปัญหาดังกล่าว อีกทั้ง วันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนเองเดินทางไปกระทรวงการคลังนั้น เพื่อรับฟังข้อมูลและเตรียมนำไปอภิปรายข้อกฎหมาย 3 ฉบับเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงิน
ส่วนทาง นายพยม พรหมเพชร ส.ส.เขต 3 จ.สงขลา เผยว่า ตนในฐานะคณะทำงานศูนย์ร้องทุกข์ พปชร. ก็ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของชาวสงขลาอย่างต่อเนื่อง พบเสียงสะท้อนปัญหาว่าการฉ้อโกงประชาชนในรูปแบบแชร์ลูกโซ่มีจำนวนมาก และหนี้นอกระบบที่มีความรุนแรงกัดเซาะทำร้ายพ่อแม่พี่น้องประชาชน ซึ่งตนได้เคยหารือปัญหาดังกล่าวมาแล้วในสภา และขอชื่นชม นายสามารถ ที่ช่วยผลักดันแก้ปัญหามาตลอด และการเปิดสมัยการประชุมครั้งนี้จะนำปัญหาเข้าหารือในที่ประชุมด้วย
นายสามารถ กล่าวปิดท้าย ในฐานะเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาหนี้สินแห่งชาติ ประจำสภาผู้แทนราษฎร จะร่วมกับ นายพยม พรหมเพชร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.สงขลา และ นายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จ.ชัยภูมิ ซึ่งทั้ง 2 ท่านอยู่ในกรรมาธิการคณะนี้ เพื่อเสนอคณะกรรมาธิการ เร่งแก้ปัญหาหนี้สินที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 และผู้ประกอบการ ซึ่งรัฐบาลมีมาตรการเยียวยาแค่ดอกเบี้ยของประชาชนไม่ได้ถูกลดหรือหยุด และยังมีการคำนวณดอกเบี้ยเพิ่มภาระให้กับประชาชน ซึ่งคณะกรรมาธิการมีบทบาทหน้าที่ช่วยเหลืออยู่แล้ว เพราะความเดือดร้อนของประชาชนรอไม่ได้ คาดจะยื่นเรื่องภายในสัปดาห์หน้า