นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ โพสต์ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกง โดยการศึกษาครั้งนี้ได้นำหนูแฮมสเตอร์มาเป็นสัตว์ทดลอง ในเรื่องประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัย สามารถช่วยลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้จริง ซึ่งคนไทยมากถึงร้อยละ 95 ให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. เพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นหัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงโดยศาสตราจารย์ Yuen Kwok-yung เรื่องประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัย surgical mask ในการลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยระบุว่า “มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หน้ากากอนามัยสามารถป้องกันและลดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ได้ มีรายงานจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงโดยศาสตราจารย์ Yuen Kwok-yung เรื่องประสิทธิภาพของหน้ากากอนามัย surgical mask ในการลดการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (งานวิจัยนี้รอการตีพิมพ์)
การศึกษานี้ทำในหนูแฮมสเตอร์ (hamster) เนื่องจากหนูแฮมสเตอร์มีตัวรับเชื้อไวรัสโควิด-19 เหมือนคน โดยนักวิทยาศาสตร์เลี้ยงหนูแฮมสเตอร์ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไว้ในกรงหนึ่ง แยกออกจากหนูแฮมสเตอร์ที่ไม่ติดเชื้อ เลี้ยงไว้ในอีกกรงหนึ่ง ในรายงานไม่ได้บอกถึงระยะห่างระหว่าง 2 กรง การทดลองใช้พัดลมบังคับทิศทางลมให้หนูติดเชื้อเลี้ยงในกรงอยู่ต้นลม หนูไม่ติดเชื้อเลี้ยงในกรงอยู่ท้ายลม โดยทำการศึกษาดังนี้
1. ไม่มีอะไรกั้นลมพัดจากกรงเลี้ยงหนูที่ติดเชื้อ ไปยังกรงเลี้ยงหนูที่ไม่ติดเชื้อ เหมือนกับกรณีที่คนป่วยและคนทั่วไปอยู่ใกล้กัน ต่างไม่ใส่หน้ากากอนามัย
2. ปล่อยลมพัดผ่านกรงหนูที่ป่วย แล้วติดตั้งหน้ากากอนามัยก่อนที่ลมจะถึงกรงหนูที่ไม่ป่วย เหมือนกับกรณีที่คนป่วยไม่ใส่หน้ากากอนามัย อยู่ใกล้กับคนทั่วไปที่ใส่หน้ากาก
3. ติดตั้งหน้ากากอนามัยกั้นลมที่พัดผ่านกรงหนูที่ป่วยทันที ก่อนลมจะไปถึงกรงหนูที่ไม่ป่วย เหมือนกับกรณีที่คนป่วยใส่หน้ากากอนามัยอยู่ใกล้กับคนทั่วไปที่ไม่ใส่หน้ากาก
ผลการศึกษาหลังจาก 1 สัปดาห์พบว่า
ในกรณีที่ 1 หนูแฮมสเตอร์ ในกรงที่ก่อนหน้านี้ไม่ป่วย ติดเชื้อไวรัสโควิด 10 ใน 15 ตัว (66%)
ในกรณีที่ 2 หนูแฮมสเตอร์ ในกรงที่ก่อนหน้านี้ไม่ป่วย ติดเชื้อไวรัสโควิด 4 ใน 12 ตัว (33%)
ในกรณีที่ 3 หนูแฮมสเตอร์ ในกรงที่ก่อนหน้านี้ไม่ป่วย ติดเชื้อไวรัสโควิด 2 ใน 12 ตัว (16.7%)
ข้อมูลนี้หมายความว่า ถ้าทั้งคนป่วยอยู่ใกล้กับคนทั่วไป ต่างไม่ใส่หน้ากากอนามัย โอกาสติดเชื้อคนทั่วไปสูงถึงร้อยละ 66
หากคนป่วยไม่ใส่หน้ากากอยู่ใกล้กับคนทั่วไปที่ใส่หน้ากาก ลดการติดเชื้อคนทั่วไปได้ร้อยละ 50
ถ้าคนป่วยใส่หน้ากากอนามัย จะลดการติดเชื้อคนทั่วไปที่อยู่ใกล้และไม่ใส่หน้ากากได้ถึงร้อยละ 75
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ไม่ได้ใช้หน้ากากอนามัยกั้นลมหลังผ่านกรงหนูที่ป่วยและใช้หน้ากากกั้นลมก่อนถึงกรงหนูที่ไม่ป่วย เหมือนกรณีที่ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย ไม่ว่าป่วยหรือไม่ เรารู้ว่าถ้าในกรณีทุกคนใส่หน้ากาก จะลดการติดเชื้อมากกว่าร้อยละ 75 แน่นอน แต่มากกว่าเท่าไหร่ยังตอบไม่ได้ การศึกษานี้ยืนยันประโยชน์ของการใส่หน้ากากอนามัยในการลดการติดเชื้อไวรัสโควิดได้
การศึกษานี้ใช้หน้ากากผ่าตัด surgical mask หน้ากากสีเขียว หรือ สีฟ้า ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ไม่ใช่หน้ากากผ้า การใส่หน้ากากผ้าคงมีประโยชน์ อาจจะไม่ดีเท่าหน้ากากผ่าตัด
การสวมหน้ากากอนามัยไม่ว่าหน้ากากผ้า หน้ากากสีเขียวสีฟ้าในสถานการณ์ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้คนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยด้วย เพื่อเป็นการป้องกันและการลดการระบาดของเชื้อไวรัสไม่ให้ขยายวงกว้างขึ้น เมื่อจะต้องเดินทางออกนอกบ้านไปในที่ต่างๆ ที่มีคนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในห้างสรรพสินค้า รถไฟฟ้า รถขนส่งสาธารณะ หรือที่ที่มีผู้คนแออัด นอกจากจะเป็นการปกป้องผู้สวมใส่หน้ากากอนามัยให้ปลอดภัยแล้ว หากผู้สวมใส่หน้ากากอนามัยป่วยก็จะไม่แพร่เชื้อออกไปสู่คนอื่นด้วย
ซึ่งคนไทยมากถึงร้อยละ 95 ให้ความร่วมมือสวมหน้ากากอนามัย น่าภูมิใจไทยเป็นที่หนึ่งในประเทศอาเซียน ทั้งการสวมใส่หน้ากากอนามัยและการล้างมือ (ดูรูป) ทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ขอให้คนไทยทุกคนร่วมมือสวมใส่หน้ากากอนามัยและล้างมือกันต่อไป”